“ชัยวัฒน์” ร้องสอบเจ้ากรมแผนที่ทหาร เปลี่ยนแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ส่อเอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุนหรือไม่

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบเจ้ากรมแผนที่ทหารและคณะ ว่ามีการปลอมแปลงเอกสารแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หรือไม่


เนื่องจากพบว่าเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหนังสือลงนามโดยเจ้ากรมแผนที่ทหาร ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ระบุผลการตรวจสอบที่ดินทับซ้อนระหว่างเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ เขตปฏิรูปที่ดิน บริเวณบ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า แนวเขตที่มีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เป็นพื้นที่ไม่ทับซ้อน และอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้ ครม. มีมติรับรองไป


แต่เมื่อตนเองตรวจสอบ พบว่าแผนที่ที่ออกโดยกรมแผนที่ทหารและเอาไปให้ ครม.รับรองนั้น ไม่ได้ยึดแนวเขตอุทยานฯ ตามที่มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกา แต่เกิดจากการไปขอบันทึกการรังวัด (Field Book) ซึ่งเป็นการบันทึกส่วนตัวของช่างรังวัดแต่ละคน ที่ถือว่าเป็นข้อมูลไม่สมบูรณ์ แนวเขตยังไม่ต่อกัน แต่กรมแผนที่ทหารกลับใช้ข้อมูล Field Book ของช่างรังวัดบางคน ประกอบกับการสอบถามชาวบ้าน ไม่ยึดตามที่มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกา ไปออกแนวเขตอุทยานใหม่ ทำให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณบ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี ที่มีสำรวจ พื้นที่อุทยานฯแห่งชาติเขาใหญ่หายไป 4,000-5,000 ไร่


จากการตรวจสอบแนวเขตใหม่ของกรมแผนที่ทหาร พบว่ามีการปรับมุมองศา ไม่ตรงกับ Field Book ที่บันทึกไว้ แล้วทำให้พื้นที่เขตอุทยานฯ บางส่วนหายไป และสิ่งที่พบคือแนวเขตอุทยานฯ ที่หายไปนั้น ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่กรมอุทยานฯเคยดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรุกที่ป่า ทั้งที่คดีสิ้นสุดจนศาลมีคำพิพากษาให้รื้อรั้วที่รุกที่ออกไปแล้ว และบางคดีกำลังอยู่ในขั้นตอนการต่อสู้ในชั้นศาล หากยึดตามแนวเขตใหม่ของกรมแผนที่ทหาร เท่ากับว่าพื้นที่บุกรุกส่วนใหญ่จะไม่อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ


นายชัยวัฒน์ จึงตั้งคำถามว่า การปรับแนวเขตแผนที่ครั้งนี้เพื่อเอื้อใคร เพราะจะทำให้เอกชนที่ถูกอุทยานฯ ฟ้องว่ารุกที่อุทยานฯ หลุดคดี และเปิดช่องให้กลุ่มทุนสามารถฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ถูกฟ้องกลับแล้ว โดยอ้างแนวใหม่ที่กรมแผนที่ทหารทำขึ้น


หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าหากกรมแผนที่ทหาร วางแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ใหม่ อาจจะทำให้ผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้องหายไปจากเดิมมากกว่าแสนไร่ เป็นสิ่งที่ตนเองรับไม่ได้ เพราะพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต้องยึดตามแนวเขตอุทยานฯ ตามที่มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกา


ทั้งนี้แม้ตนเองจะเกษียณอายุราชการในเดือนนี้ เหลือเวลาราชการอีกประมาณ 10 วันเท่านั้น ตนเองก็จะทำหน้าที่จนวันสุดท้าย แม้จะเกษียณไปแล้วก็จะตามปกป้องผืนป่าอยู่เช่นเดิม เพราะการดูแลรักษาผืนป่าอยู่ในจิตวิญญาณของตนเอง หากพบการบุกรุกพื้นที่ป่า ตนเองก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำสิ่งที่ถูกต้อง และปกป้องผืนป่าต่อไป หากนายทุนหรือหน่วยงาน มองว่าตนเองทำไม่ถูกต้อง ก็ยินดีให้ฟ้องกลับ ยินดีให้ดำเนินคดี พร้อมสู้กันตามขั้นตอนของกฎหมาย ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน


คำถามที่อยากถามไปยังเจ้ากรมแผนที่ทหาร การดำเนินคดีกับนายทุนรายหนึ่ง ที่ศาลมีคำสั่งว่าบุกรุกพื้นที่อุทยาน พร้อมสั่งให้รื้อรั้วของกลุ่มทุนออก ครั้งนั้นกรมแผนที่ทหารเป็นคณะกรรมการด้วย และเห็นชอบกับแนวเขตของกรมอุทยานฯตามที่มีการประกาศในพระราชกฤษฎีกา แต่อยู่ๆ เมื่อกรมอุทยานฯมีปัญหากับเขตปฏิรูปที่ดิน กรมแผนที่ทหารกลับเห็นชอบแนวเขตใหม่ที่ทำให้พื้นที่อุทยานแห่งชาติหายไปจำนวนมาก จึงยืนยันว่าการทำแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ของกรมแผนที่ทหาร เป็นแนวเขตที่ทำโดยมิชอบและผิดกฎหมาย


ดังนั้นการยืนหนังสือร้องต่อ ป.ป.ช.ครั้งนี้ เป็นการยื่นขอให้ตรวจสอบผู้รับผิดชอบ คือเจ้ากรมแผนที่ทหารและคณะ ที่ทำงานแผนที่ฉบับนี้มา และหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ ครม. ทบทวนแผนที่อุทยานฯเขาใหญ่ ฉบับของกรมแผนที่ทหารด้วย หากนายกรัฐมนตรี และ ครม. ยังเห็นชอบแนวเขตของกรมแผนที่ทหาร ตนเองก็จะร้อง ครม. และนายกรัฐมนตรีด้วย


นายชัยวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตในช่วงท้ายว่า ทำไมแนวเขตที่กรมแผนที่ทหารทำมาใหม่นั้น ใกล้เคียงกับแนวเขตของ ส.ป.ก. ที่เคยเสนอมา เพราะหากยึดแนวเขตที่กรมแผนที่ทหารทำมานั้น เอกชนและกลุ่มนายทุนที่ถูกดำเนินคดีจะหลุดหมด และสามารถฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนว่าเป็นการสมคบคิดและช่วยเหลือกลุ่มบุคคลให้พ้นโทษ

โดย paranee_s

16 ก.ย. 2567

355 views

EP อื่นๆ