สังคม
เปิดประวัติ “สมเด็จช่วง” กับห้วงเวลาแห่งธรรมะ
โดย thichaphat_d
9 ธ.ค. 2564
177 views
เช้าวันที่ 9 ธ.ค. 2564 สมเด็จสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ ที่รู้จักกันในนาม “สมเด็จช่วง” ได้มรณภาพลงด้วยอายุ 96 ปี 76 พรรษา
สมเด็จช่วงถือเป็นพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดรูปหนึ่งในประเทศไทย โดยท่านเคยดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชระหว่างปี 2556-2560
ย้อนกลับไปในอดีต “สมเด็จช่วง” มีนามเดิมว่า ช่วง สุดประเสริฐ เกิดเมื่อวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2468
ต่อมาเมื่ออายุ 14 ปี ก็ได้ บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดสังฆราชากรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูศีลาภิรัต (ทอง) วัดลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เป็นอุปัชฌาย์
ต่อมา ในพ.ศ. 2488 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ได้ฉายาว่า “วรปุญฺโญ” โดยมีพระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน เกสโร) วัดนางชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หรือ “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ” เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูสมณธรรมสมาทาน เป็นกรรมวาจาจารย์
ณ เวลานั้นด้วยความตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ท่านก็สามารถสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ในระยะเวลาเพียง 9 ปี
ในปี 2495 ท่านได้เป็น เลขานุการสังฆนายก สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ)
ซึ่งต่อมา สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) ก็ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ที่ 14 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ต่อมา ในพ.ศ. 2508 ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ในปีนั้นเอง ท่านได้เนินการที่เป็นประโยชน์แก่พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ผู้อาศัยอยู่ในวัด และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่สาธุชนที่มาทำบุญที่วัดปากน้ำ ตราบถึงปัจจุบันนี้ ในเรื่องหลัก 6 ประการ คือ
1. บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะเก่า
2. ก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุใหม่
3. อนุรักษ์โบราณวัตถุ รักษาให้อยู่ในสภาพดี
4. จัดซื้อที่ดินเพื่อขยายอาณาเขตของวัด
5. สร้างถนนกึ่งสะพานเป็นทางเข้าวัด
6. จัดทำระบบไฟฟ้าและน้ำประปาทั่วทั้งวัด
จากนั้น ปีพ.ศ. 2524 ท่านได้ก่อตั้ง “มูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำ” เพื่อนำดอกผลของมูลนิธิใช้ในการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ และได้ชักชวนสาธุชนร่วมสมทบทุนในโอกาสต่าง ๆ มาถึงปัจจุบัน รวมค่าบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์นอกวัด เป็นเงินจำนวนมากกว่าสองร้อยล้านบาท
ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ท่านยังได้ริเริ่มสร้างวัดในต่างประเทศ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมถึงให้ชาวไทยที่ตอาศัยอยู่ในต่างประเทศได้มีที่ในการทำกิจกรรมทางศาสนา
โดยท่านได้ริเริ่มสร้าง “วัดมงคลเทพมุนี” เมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา “วัดปากน้ำญี่ปุ่น” เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น และ “วัดปากน้ำนิวซีแลนด์” เมืองทัวรังง่า ประเทศนิวซีแลนด์ ในพ.ศ. 2527 2540 และ 2545 ตามลำดับ
ด้วยความรู้ ความตั้งใจการบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ ท่านจึงได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไพศาลหิตานุหิตวิธาน ปฏิภาณสุธรรมภาณี ศรีสังฆโสภณ วิมลศีลาจารย์นิวิฐ ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี ในปี พ.ศ. 2538
นอกจากนี้ ท่านยังได้ดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช โดยได้เริ่มดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2556 หลังจากที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์ จนถึงปี 2560 หลังจากที่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 ดีเอสไอได้รับเรื่องคดีการครอบครองรถหรูเป็นคดีพิเศษ โดยได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีราคาเกิน 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 500 คัน และกลุ่มที่มีราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 5,000 คัน
ซึ่งในกลุ่มราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาทนี้เอง มีรถเบนซ์ ของสมเด็จช่วง รวมอยู่ด้วย และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ โดยรถของสมเด็จวัดปากน้ำได้จดทะเบียนเป็นผู้ครอบครองเป็นคนแรก แต่ปัจจุบันได้แจ้งยกเลิกใช้งานรถคันดังกล่าวแล้ว และถูกนำเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นของสะสม
ท้ายที่สุดแล้ว ทางอัยการสั่งไม่ฟ้อง รวมถึงคดีหมดอายุความ ทำให้สมเด็จช่วง ยังได้ครองสมณเพศต่อไป
จากนั้นท่านได้อาพาธด้วยโรคไต และ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของแหล่งข่าว ระบุว่าท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อรุ่งอรุณของวันที่ 9 ธ.ค. 2564 อย่างสงบ
“ท่านมรณภาพด้วยความสงบเหมือนหลับไป โดยไม่มีสายระโยงระยาง” แหล่งข่าวระบุ