สังคม

ตรวจ บ.เอกอุทัย สาขากลางดง พบหลักฐานลอบฝังกลบกากเคมีอันตราย จ่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม

โดย panwilai_c

5 มิ.ย. 2567

169 views

วันนี้ 5 มิถุนายน วันสิ่งแวดล้อมโลก และข่าว 3 มิติ ยังเกาะติดประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ผนึกกำลังไปตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากก่อนหน้านี้มีภาพการลักลอบเทกากสารเคมีลงในบ่อดินภายในพื้นที่ดำเนินการของบริษัทเอกอุทัย ซึ่งข้อมูลหลักฐานบางส่วนที่ได้มาใหม่ นำมาซึ่งการไปตรวจสอบในวันนี้



ภาพการเทกลบกากสารเคมีที่เป็นของเหลว ซึ่งมีผู้หวังดีบันทึกไว้ได้ตั้งแต่ราวปี 2563 เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ใช้เป็นหลักฐานการดำเนินคดีกับบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง อำเภอปากช่อง



ภาพจากหลักฐานยืนยันว่าบริเวณนี้ เคยเป็นบ่อขนาดใหญ่ แต่มีกลุ่มคนนำสารเคมีมาเทแล้วนำปูนขาวมาโรยคล้ายปรับสภาพแล้วฝังดินกลับ และเมื่อมีกากสารเคมีมาเพิ่มก็ขุดและฝังกลบลงไปอีก จนสมเรื่อยมา



พื้นที่ทีเกิดเหตุนี้ อยู่ในการครอบครองของบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง เมื่อปี 2564 กรมป่าไม้เข้าไปตรวจสอบและยึดพื้นที่ เพราะพบว่าพื้นที่ดังกล่าว ที่เป็นลานโล่งกว้างหน้าถ้ำ กับพื้นที่ซึ่งมีส่วนประกอบของโรงงานด้วย เป็นพื้นที่กรมป่าไม้ แต่กรณีครอบครองดังกล่าว บริษัทเอกอุทัย ต่อสู้ในประเด็นว่าขาดเจตนาในการครบอครองที่ป่า เพราะผู้ครอบครองก่อนหน้านี้ ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาจากการขายทอดตลาด และบ.เอกอุทัยมารับช่วงต่อ



อย่างไรก็ตาม บ.เอกอุทัย รับว่าสารเคมีในอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ที่เก็บในอาคาร เป็นการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนภาพการฝังกลบบนลานดินนั้น บริษัทต่อสู้ว่าไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร



อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมจังหวัดนคราชสีมา ได้ฟ้องร้อง บ.เอกอุทัย 5 ข้อหา พนักงานสอบสวนภูธรกลางดง มีความเห็นไม่ฟ้องทั้ง 5 ข้อหา แต่พนักงานอัยการส่งฟ้อง 2 ข้อหา คดีอยู่ระหว่างสืบพยานในชั้นศาล



ล่าสุด ข่าว 3 มิติ เพิ่งเผยแพร่ภาพหลักฐานการเทกากของเสียอันตรายลงบ่อโดยตรง โดยกลุ่มคนที่ทำงานในพื้นที่บริษัทเอกอุทัย ใต้ปล่องสายพานของโรงงาน เป็นพื้นที่สูงกว่าจุดแรก ซึ่งมีหลักฐานการเทอย่างเปิดเผย



ภาพการเทกากสารเคมีดังกล่าว ถูกตั้งข้อสังเกตที่สำคัญว่าเป็นสาเหตุให้น้ำบาดาลทั้งในเขตตำบลสีมามงคล และตำบลกลางดง ถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีจนใช้ประโยชน์ไม่ได้



ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว เคยถูกร้องเรียนมานาน เช่นเดียวกับการดำเนินคดีก่อนหน้านี้ก็ยังอยู่ระหว่างสู้คดี กระทั่งวันนี้ที่เริ่มมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าวมากขึ้น



นอกจากการเก็บตัวอย่างน้ำบาดาลเพื่อสำรวจข้อเท็จจริงตามข้อสงสัยแล้ว วันนี้ (5 มิ.ย. 67) เจ้าหน้าที่ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นำเครื่องมือไปเจาะ และขุดสำรวจบนจุดที่ปรากฏในภาพว่ามีการเทสารเคมี และทั้งการขุดเปิดหน้าดิน และการขุดเจาะใต้ดินพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีสารเคมีอันตรายหลายชนิด ถูกฝังกลบไว้ที่นี่



กากสารเคมีที่ปนเปื้อนกับดินเหนียว ข้น และบางจุดที่มีน้ำกากสารเคมีถูกฝังสะสมปริมาณมาก ทำให้ดินนิ่มค่อนข้างเหลว และมีสีดำแตกต่างจากดินดั้งเดิมอย่างชัดเจน



เจ้าหน้าที่ขยายวงขุดสำรวจออกไปให้กว้างราว 10 เมตร ลึกสุดราว 4-6 เมตร ก็พบจุดที่เชื่อว่าเป็นจุดที่เทสารเคมีทิ้งไว้ที่นี่เชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มก่อน และส่งกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงมาก ลักษณะเป็นกลิ่นสารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ VOC



เจ้าหน้าที่ทั้งกรมควบคุมมลพิษ และกรมโรงานอุตสาหกรรม ต่างเก็บตัวอย่างนี้ไปเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อให้ได้ผลเป็นทางการ



การขุดสำรวจพื้นดินในแต่ละระดับโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เจ้าหน้าที่นำมาสำรวจในวันนี้ ซึ่งเลือกจุดในพื้นที่ ที่เชื่อว่าเป็นจุดลักลอบเทและฝังกลบกากสารเคมี



โดยการเจาะสำรวจวันนี้มีความลึกรวม 6 เมตร ผลปรากฏว่ามีกลิ่นสารปนเปื้อนตลอดทั้ง 6 เมตร โดยความลึกระดับผิวดิน ถึง 1 เมตร มีกลิ่นของสารเคมีปนเปื้อนไม่มาก แต่ตั้งแต่ระดับ 1 เมตร ถึง 6 เมตร พบว่าการปนเปื้อนเข้มข้น



ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ระบุว่าผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสารเคมีที่ปรากฏมี 3 กลุ่มใหญ่ทั้งสารอินทรีย์ระเหยง่าย กลุ่มปิโตรเคมี และสารอันตรายในอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีโอกาสก่อมะเร็งด้วย



ผลที่ได้จากการเปิดหน้าดิน ขุด และเจาะวันนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการลักลอบฝังกลบสารเคมีอันตรายที่นี่ และเป็นกลุ่มสารเคมีที่ปกติอยู่ในอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก โดยหลักฐานเหล่านี้จะนำไปสู่การเอาผิดอาญาผู้เกี่ยวข้อง เพราะส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบน้ำสาธารณูปโภคของชาวชุมชนด้วย



หลังจากเก็บตัวอย่างทั้งจากการเปิดหน้าดิน การขุดสำรวจของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และตัวอย่างน้ำจากบ่อบาดาล เจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันได้นำไปเป็นหลักฐานลงบันทึกประจำวันเพื่อนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

คุณอาจสนใจ

Related News