'เอกนัฏ' ลงพื้นที่โกดัง บ.เอกอุทัย ติดตามการกำจัดสารเคมี เร่งแก้ปัญหาสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหากากสารเคมี บริษัทเอกอุทัย ทั้งที่อำเภออุทัย และที่อำเภอภาชี ซึ่งมีการลักลอบเก็บอย่างผิดกฎหมาย โดยขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้นำงบประมาณบางส่วน มาใช้สำหรับแก้ปัญหาเบื้องต้น ให้กับสองพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะโกดังอำเภอภาชี ที่เคยถูกลอบวางเพลิง



ประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่โกดังอำเภอภาชี คือติดตามการใช้นำกากสารเคมีบางส่วนที่เสี่ยงอันตรายที่สุด ออกไปกำจัดภายใต้งบว่าจ้าง ราว ราว 6 ล้าน 9 แสน บาท



บริษัทผู้รับจ้างคือบริษัท SK interchemical เงื่อนไขในทีโออาร์ กำหนดให้ผู้รับจ้าง นำกากสารเคมีจำพวกกรด ไปปรับเสถียรจนหมดฤทธิ์กรด แล้วนำไปฝังกลบอย่างถูกต้อง



เงื่อนไขตามทีโออาร์ ให้นำกากสารเคมีจำพวกกรด จากโกดังหลังที่ 2 และ 3 น้ำหนักรวมไม่น้อยกว่า 800 ตัน ซึ่งผู้บริหารบริษัทบอกว่าดำเนินการแล้วราว 600 ตัน หรือร้อยละ 70 ของเนื้องานทั้งหมด



อย่างไรก็ตาม แม้ภารกิจดังกล่าวคืบหน้ากว่าร้อยะ 70 แต่ปริมาณสารเคมีในทีโออาร์ ราว 800 ตัน ยังถือว่าน้อยหากมากเทียบกับจำนวนที่มีทั้งหมดราว 4 พันตัน นอกจากนี้ยังพบว่า มีน้ำปนเปื้อนสารเคมีฤทธิ์เป็นกรด ไหลไปขังอยู่ในที่ลุ่มท้ายโรงงา และไหลไปปนเปื้อนในนาข้าวแล้ว



นี่เป็นหนึ่งในประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่าการแก้ปัญหาเบื้องต้นกำลังจะผ่านไปด้วยดีก็จริง แต่ยังมีวิกฤติระยะสั้นเข้ามาอีก รวมถึงระยะยาวที่ต้องขนย้ายออกไปทั้งหมด จำเป็นที่ต้องจัดสรรทั้งงบประมาณประจำปี และของบกลางเพื่อแก้วิกฤตนี้ด้วย



เช่นเดียวกับนายกเทศมนตรีตำบลภาชี ซึ่งขอบคุณที่ผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่คนในพื้นที่ก็ยังคาดหวัง จะเห็นการขนย้ายกากสารเคมีที่ลักลอบเก็บแบบเถื่อนๆนี้ออกไปทั้งหมดโดยเร็ว



พื้นที่ประกอบกิจการของบริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต อ.อุทัย เป็นอีกจุดหนึ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อม คณะไปติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหา จากการที่มีกากสารเคมีจำพวกกรด รั่วไหลจากถังเก็บลงปนเปื้อนพื้นดินและใต้ดิน รวมถึงการลักลอบฝังรั่วไหลไปพื้นที่ข้างเคียง ที่นี่เป็นจุดหนึ่งเช่นกัน ที่จะอยู่ในแผนจัดสรรงบประมาณมาแก้ไข ทั้งโดยงบกระทรวงฯ และของบกลาง



ที่บริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต นี้ มีบริษัท TARF เป็นผู้รับจ้างด้วยงบประมาณ 4 ล้านบาท เงื่อนไข คือนำกากสารเคมีจำพวกกรด ที่กระจายบนพื้นและโกดัง หลังที่ 3 น้ำหนักรวมไม่น้อยกว่า 400 ตัน ไปกำจัดด้วยการปรับเสถียรไม่ให้มีค่าเป็นกรด แล้วนำไปฝังกลบอย่างถูกต้อง ซึ่งบริษัทผู้รับจ้างระบุว่างานทั้งหมดคืบหน้าไปร้อยละ 30



อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ของที่นี่ ที่ต้องแก้ไขระยะต่อไป คือการลักลอบลักลอบฝังกลบและการปนเปื้อนลงชั้นน้ำใต้ดิน ที่จำเป็นต้องฟื้นฟูด้วย