16 บ.เอกชนยื่นมือช่วย จัดชุดเร่งกู้สารเคมีถูกลอบทิ้งในอยุธยา ระหว่างรอรัฐจัดการ

วันนี้ครบ 1 เดือน ที่ข่าว 3 มิติ เกาะติดประเด็นการลักลอบทิ้งสารเคมี ตั้งแต่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จนมาถึงโกดังลักลอบเก็บสารเคมีที่อำเภอภาชี พระนครศรีอยุธยา และที่นี่พบว่ามีน้ำสารเคมีจากโกดัง รั่วไหลไปลงแหล่งน้ำสาธารณะด้วย ขณะที่ค่ากำจัดเบื้องต้น พบว่าต้องใช้ถึง 21 ล้านบาท ซึ่งภาครัฐไม่มีงบประมาณนี้ และการฟ้องร้องให้เจ้าของสารเคมีมารับผิดชอบ ก็ยังไม่เกิดขึ้น



ล่าสุดมีกลุ่มบริษัทอย่างน้อย 16 บริษัท ในนาม กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม จัดชุดปฏิบัติการมาเก็บกู้สารเคมีเหล่านี้ให้ก่อน เพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชน คุณมนตรี อุดมพงษ์ เกาะติดเรื่องนี้มาตลอด 1 เดือน มีรายละเอียดครับ



บ่อซีเมนต์ที่เคยเป็นที่ตั้งตราชั่งของโกดัง และถูกบริษัทผู้เช่า ที่ทำธุรกิจแบบไร้ความรับผิดชอบ เพราะนำกรดเข้มข้นมาลักลอบทิ้งไว้ที่นี่ ตอนนี้บ่อนี้ได้รับการแก้ไขเบื้องต้น และคืบหน้าไปกว่า ร้อยละ 90 แล้ว



วิธีการแก้ไขคือสูบน้ำกรดที่มีในบ่อขึ้นใส่ถัง IBC หรือถังเบาท์ขนาด 1 พันลิตร จนหมดทั้งบ่อ แล้วทะยอยนำถังนั้นไปเก็บภายในโกดัง ซึ่งจุดที่เก็บทั้งเบาท์ ก็รองด้วยผ้าใบในอุตสากรรมนิ้แล้วก่ออิฐขึ้นมาให้สูงขึ้น ป้องกันการไหลลงพื้นหากรั่วไหลออกจากถัง



ไม่เฉพาะของเหลวเท่านั้น ภายในบ่อนี้ต้องกำจัดทั้งหมด บรรดาเศษผงพลาสติก หรือแม้แต่เหล็กที่ถูกน้ำกรด กลั่นกรองเป็นผุยผงก็ต้องเก็บทั้งหมดในรูปของผง หรือของเหลวปนเปื้อนแล้วตักไปในถุงบิ๊กแบ๊ก นำไปเก็บในโกดัง



นี่เป็นหนึ่งการทำงานของชุดปฏิบัติการเก็บกู้น้ำสารเคมีที่ถูกลักลอบเก็บโดยบริษัท ที่กำลังถูกคนท้องถิ่นตราหน้าว่าไม่มีความรับผิดชอบ เพราะกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งตามกฎหมายภาครัฐต้องฟ้องร้องให้ผู้กระทำผิดแก้ไขก่อน จึงจะของบกลางมาปัญหาได้



อย่างไรก็ตาม คดีคืบหน้าไปช้าความเดือดร้อน ทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสานงานให้ภาคเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยกอบกู้ปัญหานี้ก่อน โดยเน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งบ่อน้ำกรดที่จะปนเปื้อนน้ำฝน และโดยเฉพาะลำรางระบายน้ำที่เชื่อมต่อหลายชุมชนในเขตเทศบาลภาชี ที่มีกรดรุนแรงปนเปื้อน ที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน โดยสูบน้ำในลำรางทั้งหมดใส่ถัง จากนั้นจะนำรถแบ็คโฮขูดตักหน้าดิน ออกไปเก็บรอการนำไปกำจัด จากนั้นชะล้างและปรับสภาพดินให้มีค่าเป็นกลาง เพื่อลดอันตราย



ชุมชนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุต่างขอบคุณภาคเอกชนที่มาช่วยเหลือ และเรียกร้องไปถึงบริษัทต้นเหตุต้องรับผิดชอบ หรือมีธรรมาภิบาลมากกว่าที่เป็นอยู่



กลุ่มบริษัทเอกชนที่มาช่วยกอบกู้ครั้งนี้ ในนามกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 16 บริษัท นำโดยบริษัทอินทรีย์ อิโคไซเคิล จำกัด ซึ่งจัดทีมเจ้าหน้าที่ลงปฎบัติการ ขณะที่บริษัทอื่นๆ ต่างช่วยกันสนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ต้องใช้ในการปฎิบัติงาน คือบริษัทอัคคีปราการ /เบตเตอร์ เวิล์ดกรีน/ อินโนเวสต์/ทีเออาร์เอฟ/ เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิส / ซิมสุลาลัย/ สยามเอนไวรอนเมนทอลเทคโนโลยี/ สุขเจริญทรัพย์/ มัตซึดะ ซังเกียว/บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม /ดับบลิวเอ็มเอส/ทีพีไอโพลีน/ วันมอร์ลิงค์/ ชูโชคทรานสปอร์ต และบริษัท ส.กนกการจัดการสิ่งแวดล้อม จำกัด



บริษัทเหล่านี้สนับสนุนถังIBC และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ ในภารกิจนี้ฟรีทั้งหมด ส่วนฝ่ายปกครองอำเภอภาชี เทศบาลตำบลภาชี รับผิดชอบเครื่องจักรบางส่วนและ เชื้อเพลิง และอำนวยความสะดวกตลอดภารกิจ เพื่อสารเคมีที่ถูกทิ้งโดยไม่รับผิดชอบ ไม่ก่อปัญหาให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อม



ถึงแม้ภาคเอกชนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหนักต่อชุมชน แต่ข่าว 3 มิติจะยังเกาะติด จนกว่าปัญหาเรื่องผลกระทบจะถูกแก้ไขทั้งหมด และผู้ที่ก่อผลกระทบต้องถูกดำเนินคดีเพื่อกลับมารับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น