จนท.พบถังบรรจุ อยู่ในสภาพชำรุด-หมดอายุการใช้งาน หลังมีควันพวยพุ่ง จากโกดังเก็บกากเคมี 4 พันตัน

กรณีลักลอบนำกากอุตสาหกรรมเเละสารเคมีอันตรายกว่า 4 พันตัน มาทิ้งไว้ในโกดังใกล้ชุมชน อ.ภาชี จ.อยุธยา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ไฟไหม้จากการลอบวางเพลิง

ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากโกดัง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ พบมีสารเคมีรั่วไหลเเละทำปฏิกิริยากับสภาพอากาศร้อน ถือว่าอันตรายกว่าเหตุไฟไหม้ครั้งที่ผ่านมา

กลุ่มควันสีส้มที่พวยพุ่งออกมาจากโกดังเก็บของกลาง ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมยึดไว้ เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนที่รับกำจัดสารเคมี นำมาซุกซ่อนเอาไว้ ในโกดังบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ในย่านธุรกิจ โรงพยาบาล เเละชุมชนที่พักอาศัย ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งในโกดัง มีกากอุตสาหกรรมเเละสารสารเคมีอันตราย รวมน้ำหนักไม่น้อยกว่า 4 พันตัน

จากภาพที่ประชาชนในละเเวกใกล้เคียงบันทึกไว้ จะเห็นว่ากลุ่มควันที่พวยพุ่ง ทะลุหลังคาลอยไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร เเละยังส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ

หลังได้รับเเจ้ง กรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่าช่วงเย็นที่ผ่านมา กลุ่มควันสีส้มได้จางหายไปแล้ว โดยทางเทศบาลตำบลภาชี ได้เตรียมรถดับเพลิงเเละอุปกรณ์ที่ใช้ฉีดควบคุมสารเคมี เตรียมพร้อมไว้ในกรณีฉุกเฉิน

พร้อมเเจ้งเตือนชาวอำเภอภาชี โดยบอกว่า การเกิดปฏิกิริยาทางเคมีครั้งนี้มีความรุนแรง และอันตรายกว่าเหตุไฟไหม้ ประชาชน ที่อยู่ใกล้กับโกดังเก็บของกลางให้เตรียมความพร้อม หากพบกลิ่นผิดปกติให้สวมหน้ากากอนามัย หรือมีผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ให้คลื่อนย้ายออกเพื่อความปลอดภัย

หลังกลุ่มควันสงบลง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ขอความร่วมมือไปยัง บริษัทเบตเตอร์ เวสท์ แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับกำจัดรีไซเคิลสารเคมีเหลว และมีความเชี่ยวชาญด้านสารเคมี เข้าตรวจสอบโกดังเก็บของกลาง มีนายอาทิตย์ เมฆทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกำจัดสารเคมีเป็นหัวหน้าชุด นำพนักงานใส่ชุดเซฟตี้สารเคมี เข้าตรวจสอบโกดังที่ 3 และโกดังที่ 4 โดยใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

พบจุดต้นเหตุที่มีสารเคมีรั่วไหล บริเวณด้านทิศตะวันออกของโกดังที่ 4 เป็นถังเหล็กบรรจุสารเคมี บนพื้นที่กว่า 20 ตารางเมตร มีร่องรอยรั่วไหลของสารเคมีที่เป็นกรด ไปกัดกับตัวเบ้าบรรจุที่เป็นเหล็ก ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเกิดเป็นไอสีส้ม ไปติดฝาผนัง กระจายทั่วบริเวณถังบรรจุสารเคมี ก่อนที่จะระเหยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ตามคลิปที่ประชาชนบันทึกไว้

หัวหน้าทีมตรวจสอบ บอกว่า ดูจากการเก็บสารเคมีทั้ง 5 โกดัง อยู่ในสภาพที่ไม่มีความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์อีก ก็จะไม่สามารถเข้าไปดำเนินการบล็อกหรืออุดรูรั่วได้ เพราะแต่ละโกดังเต็มไปด้วยถังบรรจุสารเคมี ซึ่งมีหลายชนิดวางปะปนกัน เเละจะยิ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะสารเคมีแต่ละชนิด มีสภาพความเป็นกรดแตกต่างกัน เมื่อรั่วไหลมาเจอกันก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี โดยเฉพาะสภาพอากาศที่ร้อนระอุ และอยู่ในโกดังสภาพปิดลักษณะนี้ ความร้อนจะยิ่งเป็นตัวเร่งเร้าทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีรวดเร็ว เเละอาจรุนแรงมากจนขึ้น ถึงขั้นทำให้เกิดไฟลุกไหม้ กลิ่นไอเคมีที่พวยพุ่งออกมาถือเป็นสารก่อมะเร็ง ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

จึงเสนอว่า การแก้ไขเบื้องต้น ทางหน่วยงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง จะต้องเข้ามาบริหารจัดการ-เปิดช่องทางให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้ง่ายกว่านี้ จำเป็นต้องเร่งนำกากเคมีเหล่านี้ออกไปกำจัดให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้พบว่าถังบรรจุสารเคมี อยู่ในสภาพชำรุด-หมดอายุการใช้งาน

ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จากเหตุลอบวางเพลิง เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นหลายหน่วยงานเข้าตรวจสอบ พบหลักฐานเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวางเพลิง กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในโกดังทั้ง 5 หลัง ซึ่งก็ยังไมชัดเจนว่าใครเป็นคนเผา

เเต่ข้อสันนิษฐานในเบื้องต้น หลายฝ่ายก็เชื่อว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นการลักลอบ นำกากอุตสาหกรรม เเละสารเคมีอันตราย มาทิ้งเเน่นอน ซึ่งตำรวจปทส. อยู่ระหว่างสืบสวนเเละรวบพยานหลักฐาน ส่วนการขนย้ายออกไปกำจัด กรมโรงงานอุตสาหกรรมเเจ้งว่า อยู่ระหว่างรองบประมาณ เเละจะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับเอกชนผู้ก่อมลพิษ