สังคม

บ.เอกชน เข้าประเมินค่ากำจัดน้ำเสียปนเปื้อนจากโรงงานเถื่อน อ.ภาชี คาดราว 13 ล้านบาท

โดย panwilai_c

9 มี.ค. 2566

202 views

กรมโรงงานอุตสาหกรรม เชิญบริษัทเอกชนราย 3 เข้าสำรวจพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่เก็บในโกดัง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อประเมินปริมาณทั้งหมด มาตรการเคลื่อนย้าย และงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อกำจัด ขณะที่ชาวตำบลภาชี ขอให้ภาครัฐถือเป็นกรณีเร่งด่วน ที่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะสารเคมีอันตรายถูกลักลอบเก็บอยู่ใกล้ชุมชน ห่างจากโรงพยาบาลเพียง 600 เมตร หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็อาจไม่ปลอดภัย



กรมโรงงานอุตสาหกรรม เชิญบริษัทเอกชน 3 ราย เข้าสำรวจและประเมินการนำสารเคมีที่ปนเปื้อนดินและแหล่งน้ำทั้งภายในและรอบโกดังที่ลักลอบเก็บสารเคมี ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเร่งด่วนที่สุดคือบริเวณลำรางระบายน้ำของแขวงทางหลวง ที่มีน้ำเสียจากโกดังไหลลงลำราง มีค่าพีเอช 1 หรือเป็นกรดรุนแรง ซึ่งวิธีบำบัดคือสูบน้ำออกทั้งหมด ระยะทางราว 400 เมตร ค่าบำบัดราว 2 ล้าน 5 แสนบาท



จุดที่สองคือบ่อดินที่เคยเป็นบ่อน้ำเก่าของโกดัง แต่ถูกผู้เช่ารายนี้ เทกรดเสื่อมสภาพลงไปเพื่อปกปิด และใช้ปลอกสายไฟที่มีอยู่แล้วในโกดัง รวมถึงวัสดุเช่นยิปซั่มและกองดินปิดทับ บริเวณนี้สภาพเป็นกรดรุนแรง ขนาดกว้างคูณยาว 30 เมตร ลึก 3 เมตร รวมพื้นซีเมนต์ที่ต้องขูดออก เป็นปริมาตรราว 1800 ลูกบากศ์เมตร ค่าดำเนินการราว 9 ล้านบามท



จุดที่ 3 ใจกลางโกดังเคยเป็นตราชั่งรถบรรทุก แต่ถูกเทกรดเสื่อมสภาดรุนแรง มีค่าต่ำกว่า 2 ถึง0 ลงในบ่อ แล้วปิดทับด้วยเมทัลชีท ใกล้ๆกันนั้น มีบ่อเล็กอยู่ข้างกัน คำนวณปริมาตร ราว 54 ลูกบากศก์เมตร ค่าดำเนินการาว 3.4 ล้านบาท



และจุดที่ 3 ลำรางด้านหลังโกดังที่ทีมข่าว 3 มิติไปสำรวจพบว่าถูกเทกรด และน้ำมันเครื่องเก่าทิ้งโดยลำรางนี้เชื่อมต่อไปถึงนาข้าว ขนาดกว้าง 1 เมตร ครึ่ง ลึก 60 เซนติเมตร ค่าดำเนินการราว 6 แสนบาท



คำนวณเบื้องต้นของค่าดำเนินการนำของเหลวและดินปนเปื้อนในบ่อ ไปกำจัดราว 13 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณและแผนการนี้ ยังไม่รวมสารเคมีอีกกว่า 4พัน และยังไม่แยกชนิดของสารเคมีที่พบในโกดังทั้ง 5 หลัง



อุตสาหกรรมพระนครศรีอยุธยา ระบุว่าบริเวณลำราง และบ่อที่ถูกทิ้ง มีกรดอันตราย และอยู่ในแผนย้ายเร่งด่วนก่อน เพราะเสี่ยงที่จะปนเปื้อน ส่วนข้อมูลที่ได้จากการสำรวจวันนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็จะนำไปประเมินเร่งด่วนเช่นกัน



ขณะองค์กรปกครองท้องถิ่น ทั้งนายกเทศมนตรีตำบลภาชี กำนันตำบลภาชี รวมถึงตัวแทนชาวตำบลภาชี ต่างกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นหลายด้าน ทั้งกลิ่นและการปนเปื้อนของสารเคมีลงแหล่งน้ำ รวมถึงกังวลว่าการที่สารเคมีหลายชนิดมากกว่า 4 พันตัน รวมอยู่ในโกดัง ซึ่งบางชนิดเป็นเชื้อเพลิงนั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินโดยเฉพาะอัคคีภัยอาจจะไม่ปลอดภัย เพราะในพื้นที่ไม่มีระบบดับเพลิงด้วยโฟมหรือเคมี



และเนื่องจากโกดังนี้อยู่ใกล้ชุมชน ห่างจากโรงพยาบาลภาชีเพียง 600 เมตร และไม่ใช่ย่านอุตสาหกรรม รวมถึงตอนนี้ผลกระทบจากน้ำเสียทะลักลงลำรางสาธารณะ ซึ่งถือว่าเกิดผลกระทบแล้ว จึงเรียกร้องภาครัฐ พิจารณาแก้ปัญหาด้วยมาตรการเร่งด่วนมากกว่าจะเป็นระเบียบหรือขั้นตอนปกติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่ากัน อย่างน้อยเพื่อรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้ลุกลามมากกว่านี้

คุณอาจสนใจ

Related News