แรงงานต่างด้าวสุดทนโดนมา 6 ปี ชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจรีดเงินค่าคุ้มครอง

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 66 เวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกลุ่มกล้าที่จะก้าว ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จ หลังได้รับการร้องเรียนจากหญิงแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ซึ่งทำงานอยู่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์ 2 คน เข้ามาที่ร้านขายอาหารที่ทำงานอยู่ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาขอเก็บเงินค่าดูแลรายเดือน เดือนละ 500 บาท จึงได้ปฎิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว เพราะไปกู้เงินมาเกือบ 3 หมื่นบาท เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการยื่นขอเอกสารการทำงานในประเทศไทยให้ถูกต้องแล้ว ทำให้ชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจเกิดความไม่พอใจ พร้อมกับขอตรวจเอกสารอนุญาตทำงานและพาสปอร์ต ซึ่งพบว่ายังไม่หมดอายุ

ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวอ้างว่าดูไม่เข้าใจ จะขอพาไปตรวจสอบที่โรงพักเพียงอย่างเดียว หญิงรายนี้จึงโทรศัพท์ติดต่อให้คุยกับนายหน้า ซึ่งเป็นคนที่ทำเรื่องเอกสารให้ ซึ่งนายหน้าได้อธิบายให้กับชายดังกล่าวฟังว่า เอกสารยังไม่หมดอายุและขออนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แรงงานหญิงชาวเมียนมา เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ตนปฎิเสธที่จะให้เงิน ชายคนดังกล่าวจึงได้พูดขู่ตนว่า ถ้าคุณมีปัญหา คุณจะเจออะไรมากกว่านี้อีก เพราะเขาทำอะไรได้มากกว่านี้ ทำให้ตนเกิดความกังวลใจ นายจ้างและนายหน้าคนที่ทำเรื่องเอกสารให้กับตน จึงบอกให้ตนจ่ายเป็นค่าน้ำมันรถให้ชายทั้ง 2 คน จำนวน 1,000 บาท เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา ตนจึงตัดสินใจจ่าย ก่อนที่ชายทั้ง 2 คนจะกลับออกจากร้านไป แต่ตนก็ยังกลัวและเป็นห่วงว่า หลังจากนี้ไปตนอาจจะถูกกลั่นแกล้งตามคำขู่หรือไม่ จึงตัดสินขอความช่วยเหลือไปยังเพจกล้าที่จะก้าวให้ลงพื้นที่มาช่วยเหลือ

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ อายุ 33 ปี ผู้ก่อตั้งเพจกลุ่มกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับแจ้งข้อมูลพร้อมหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพขณะที่มีชายฉกรรจ์ 2 ราย เข้าไปที่ร้านเพื่อเรียกเก็บเงินรายหัวจากแรงงานต่าวด้าวหญิงรายนี้แล้ว ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้แรงงานต่างด้าวหญิงได้จ่ายเงินค่าหัวรายเดือนให้กับชายฉกรรจ์ชุดนี้เดือนละ 500 บาท มาเป็นระยะเวลาถึง 5-6 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้หญิงแรงงานต่างด้าวรายนี้ยังมีไม่มีเอกสารอนุญาตทำงาน ทำให้จำใจต้องจ่ายเงินค่าหัวรายเดือน แต่ต่อมาแรงงานหญิงต่างด้าวรายนี้ได้ไปกู้ยืมเงินจำนวน 3 หมื่นบาท มาใช้ในการดำเนินการทำเอกสารให้ถูกต้องแล้ว แต่ก็ยังถูกชายคนดังกล่าวมาตามเก็บเงินค่าหัว เมื่อถูกปฎิเสธไม่จ่าย ก็พูดจาข่มขู่แรงงานหญิงต่างด้าวรายนี้ ทำให้แรงงานหญิงต่างด้าวต้องจำใจจ่ายเงินเป็นค่าน้ำมันรถให้ไปในวันนั้น จำนวน 1,000 บาท เพราะไม่อยากมีปัญหา หรือทำให้นายจ้างหรือเจ้าของร้านไม่สบายใจ

จากข้อมูลคลิปวงจรปิดที่ทางเพจได้รับมานั้น เมื่อได้ตรวจสอบลงไปพบว่าชายฉกรรจ์ 2 รายที่เดินทางมาที่ร้านเพื่อเรียกเก็บเงินค่าหัวรายเดือนนั้น เป็นตำรวจจริง 1 นาย และเป็นอาสาสมัครตำรวจอีก 1 นาย นอกจากนี้ทางเพจยังได้รับแจ้งเบาะแสข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาว่า ชาย 2 รายนี้ยังได้เรียกเก็บเงินกับแรงงานต่างด้าวที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง และแรงงานต่างด้าวที่อู่ซ่อมสีรถอีกด้วย ซึ่งเมื่อไปตามเก็บเงินค่าหัวรายเดือนแล้วไม่ได้ ก็มักจะมีพฤติกรรมพูดจาโวยวายเสียงดังและข่มขู่ ซึ่งตนทราบแล้วว่าชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจนั้น เป็นตำรวจสังกัดในพื้นที่จริง ตนมีพยานบุคคลที่พร้อมยืนยันพฤติกรรมของชาย 2 คนนี้ว่าไปเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองรายหัวจากแรงงานต่างด้าวตรงไหนมาบ้าง หลังจากที่ตนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว จะได้ทำหนังสือถึงผู้ใหญ่ในจังหวัด เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป