สังคม

เจาะปัญหา นส.3 'เกาะหลีเป๊ะ' ไขปมพิพาท หลังพบบางแปลงออกโดยมิชอบ

โดย panwilai_c

13 ม.ค. 2566

171 views

ปัญหาที่ดินชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ที่เกิดปัญหามากที่สุดเป็นที่ดิน นส.3 แปลงที่ 11 ซึ่งผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ ได้ฟ้องร้องขับไล่ชาวเล รวม 40 ราย ในจำนวนนี้ มี 5 รายที่ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าโจทย์ไม่มีสิทธิขับไล่ชาวเลกลุ่มนี้เพราะอาศัยอยู่มาก่อน แต่ปัจจุบันก็ยังถูกจำกัดสิทธิ์ ทำให้ชาวเลเกาะหลีเป๊ะเรียกร้องให้ตรวจสอบที่มาเอกสารสิทธิ์ทั้งเกาะ



โดยเฉพาะปัญหา นส.3 บวม จาก ส.ค.1 เดิม 50 ไร่ เป็น 81 ไร่ ในขณะที่ผลการตรวจสอบเบื้องต้นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นให้เพิกถอนที่ดิน 3 แปลง และผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ 4 ชุดในอดีตต่างมีความเห็นว่ามีการออกเอกสิทธิ์โดยมิชอบจำนวนมาก และเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ไปแล้วตั้งแต่ ปี 2533 แต่ยังไม่มีการดำเนินการจนถึงปัจจุบัน ติดตามรายงาน ถอดรหัสที่ดินชาวเลเกาะหลีเป๊ะ



บ้านของมะแซ่หนะ แม่ของ นางสลวย หาญทะเล และญาติ รวม 5 หลัง ในที่ดิน 1 ไร่ 2 งาน ใจกลางชุมชนชาวเลอูรักราโว้ย เกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล กลายเป็นบ้านตัวอย่าง และลานวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดวีถีชีวิตชาวเล ผู้บุกเบิกเกาะหลีเป๊ะเมื่อ 125 ปีก่อน เนื่องจากนางสลวย และญาติ เป็นเพียง 5 รายที่ชนะคดีจากการถูกผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ นส.3 แปลงที่ 11 ฟ้องขับไล่ ตั้งแต่ปี 2559 อ้างว่าเป็นที่ที่ได้รับมรดกมาจากนางดารา อังโชติพันธุ์ ทำให้นางสลวย และญาติ ต้องลุกขึ้นสู้ ยืนยันว่าที่ดินแปลงนี้ เป็นของนายสะหะเด็น หาญทะเล ปู่ของเธอที่แต่งงานกับนางเต๊ะ ซึ่งเป็นลูกของภรรยาคนที่ 1 ของโต๊ะฆีรี ผู้บุกเบิกเกาะหลีเป๊ะ และเป็นพ่อของนางดาราด้วย



นางสลวย ใช้เวลากว่า 4 ปี ต่อสู้คดีถึง 3 ศาล จนในปี 2562 ศาลฏีกาพิพากษายกฟ้อง ระบุว่า โจทย์ซึ่งเป็นทายาทของนางดารา ไม่มีสิทธิ์ขับไล่ชาวเลกลุ่มนี้เพราะอาศัยอยู่มาก่อน แต่แม้จะมีคำพิพากษาของศาลแล้ว แต่ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ อ้างว่า ที่ดินของนางสลวยและญาติทั้ง 5 ราย มีอาณาเขตคนละ 25 ตารางวา หรือแต่เคยหลังคาบ้านโดยรอบเท่านั้น



นางสลวย และมะแซ่หนะ ยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อทวงคืนสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัยของชาวเลให้กับลูกหลาน แม้ถึงตายก็ยอม ซึ่งนางสลวย และญาติ เป็นหนึ่งในชาวเล 40 ราย ที่ถูกฟ้องขับไล่จากผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ นส.3 แปลงที่ 11 ซึ่งเป็นทายาทของนางดารา 5 ราย และผู้ซื้อที่ดินต่อไป 1 ราย



รวมถึงบ้านของนางเรณู ทะเลมอญ และครอบครัว 6 หลัง ที่ตั้งอยู่ริมชายหาด ข้างทางเดินที่เป็นข้อพิพาท ก็ถูกฟ้องร้องจากผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ และยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ดินโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ที่ชาวเลได้เปิดข้อต่อสู้ด้วยว่า ก่อนมีการบริจาคให้เป็นที่ราชพัสดุ ที่บริเวณนี้มี โต๊ะมะยม ลูกติดของนางยีนะ ภรรยาคนที่1 ของโต๊ะฆีรี ซึ่งโต๊ะฆีรีก็รับเป็นลูกคนหนึง เป็นผู้อาศัยอยู่บริเวณนี้มาก่อน



ที่ดิน นส.3 เลขที่ 11 ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ถือเอกสารสิทธิ์กับชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เป็นหนึ่งใน นส.3 ก. ที่ออกมาจาก ส.ค. 1 จำนวน 41 แปลง ที่ออกให้ชาวเล ในฐานะผู้บุกเบิกและทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินจากการเป็นพยานว่าดินแดนนี้เป็นของไทย



หากสืบคืนจากการตรวจสอบในอดีตพบรายงานผลสอบการบุกรุกที่ดินเกาะหลีเป๊ะ โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2533 ที่ระบุว่าในเวลานั้นที่ดินเกาะหลีเป๊ะ เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ เป็นที่การเกษตร 750 ไร่ มีประชากรอยู่อาศัยมาตั้งแต่ก่อนปี 2459 จำนวน 784 คน 140 ครัวเรือน ก่อนจะมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตาในปี 2517 และให้แจ้งการถือครองที่ดิน ส.ค.1 ในปี 2498 จำนวน 41 แปลง โดย 1 แปลงเป็นที่ราชพัสดุ



และระหว่างปี 2511-2517 มีการออก น.ส.3 จำนวน 17 แปลง เหลือ ส.ค.1 ที่ยังไม่ได้ออกนส.3 จำนวน 24 แปลง ในจำนวนนี้พบว่าออกให้โดยชอบ 5 แปลง อีก 17 แปลงเห็นควรจำหน่าย



โดย นส.3 จำนวน 17 แปลงได้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ระหว่างปี 2511-2516 จำนวน 16 แปลง และอีก 1 แปลงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง กรมที่ดินให้ความเห็นว่าออกโดยชอบ จำนวน 5 แปลง ส่วนอีก 12 แปลง ออกมาจาก สค.1 ที่ไม่ชอบ



ซึ่ง นส. 3 จำนวน 10 แปลงที่กรมที่ดินมีความเห็นว่าออกโดยชอบ กรมป่าไม้ขอให้กฤษฏีกาตีความเรื่องนี้ และมีข้อสังการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้กรมที่ดินและจังหวัดสตูล เร่งรัดการขอเพิกถอน ส.ค.1 จำนวน 17 แปลง และ น.ส.3 จำนวน 12 แปลงที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเร็ว



ซึ่งนี่เป็นผลสอบเมื่อ 33 ปีก่อน ที่มีฐานข้อมูลตรงกับรายงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่รายงานต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งที่มาของที่ดินและผลการสอบสวนมีความเห็นว่ามีที่ดิน 3 แปลง ที่เข้าข่ายจะเสนอให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอน หนึ่งในนั้นคือ นส.3 เลขที่ 11 ที่พบว่ามีเนื้อที่บวมจาก ส.ค.1 เดิม จาก 50 ไร่ เป็น 81 ไร่ ซึ่งจะมาถอดหรัสในตอนต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News