เครือข่ายอนุรักษ์ จัดกิจกรรมค้านออกส.ป.ก.รุกป่า สส.ก้าวไกล มองปัญหาข้อพิพาท จากข้อมูลรัฐไม่เชื่อมโยงกัน

บริเวณทางเข้าอุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งอ.ปากช่อง วันนี้เครือข่ายอนุรักษ์ 22 องค์กร รวมตัวจัดกิจกรรมเพื่อเเสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เเละเปิดให้ประชาชนทั่วไป ร่วมกันลงชื่อคัดค้านการออก ส.ป.ก.ในผืนป่าธรรมชาติทั่วประเทศ ส่วนความเคลื่อนไหวจากกลุ่มการเมือง "นายอภิชาติ ศิริสุนทร" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็น กรณีปัญหาที่ดินส.ป.ก.ทับซ้อนเขตอุทยานฯ ซึ่งมองว่า ต้นเหตุมาจากข้อมูลหน่วยงานรัฐไม่เชื่อมโยงกัน จึงเสนอให้ปรับปรุงแนวเขตที่ดิน-ตรวจสอบสิทธิผู้ถือครองส.ป.ก. เเละต้องไม่นำปมพิพาทไปตัดสิทธิประชาชน



เครือข่ายอนุรักษ์ 22 องค์กร นำโดยภาคประชาชนกลุ่มเพื่อนเขาใหญ่ นัดรวมตัวกันอีกครั้งบริเวณทางเข้าอุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ ภายใต้ชื่อกิจกรรม "Save เขาใหญ่"

ร่วมกันเเสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่านป้ายข้อความที่จัดเเสดงไว้โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากกลุ่มนักดนตรีเเละศิลปินอิสระ สลับกับการพูดคุยในเวทีเสวนา เรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลปัญหาการบุกรุกเเละการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในพื้นที่ป่า โดยเฉพาะการออก ส.ป.ก.4-01 ในเขตอุทยานฯ



กิจกรรมครั้งนี้ ยังเปิดให้ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวเเละเข้าร่วมกิจกรรม ลงชื่อคัดค้านการออก ส.ป.ก.ในผืนป่าธรรมชาติทั่วประเทศ ซึ่งทางเครือข่ายมองว่า เรื่องนี้สำคัญเเละอาจส่งผลต่อระบบนิเวศระยะยาว โดยเฉพาะผืนป่าอนุรักษ์ซึ่งเป็นบ้านของสัตว์ป่า กำลังเผชิญภัยคุกคามรอบด้าน หากภาครัฐหรือรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการ หรือมีเเนวทางที่ชัดเจน ประเทศไทยอาจสูญเสียพื้นที่ป่าเเละยากที่จะเอาคืนกลับมาเเละฟื้นฟูสภาพ



กิจกรรม "Save เขาใหญ่" จัดต่อเนื่อง 3 วัน ตั้งเเต่วันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ ล่าสุด มีรายงานว่า วันพรุ่งนี้นอกจากเครือข่ายอนุรักษ์ ก็ยังมีกลุ่มข้าราชการกรมป่าไม้เเละกรมอุทยานฯทั้งในอดีตเเละปัจจุบัน นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยาน รวมถึงเหล่าศิลปิน จะมาร่วมกิจกรรมเเละสะท้อนปัญหา กรณีพิพาท ออก.ส.ป.ก.ทับซ้อนอุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่



ส่วนความเคลื่อนไหวจากกลุ่มการเมือง นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณีการพบหลักหมุดที่ดิน ส.ป.ก.ทับซ้อนแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่



โดยบอกว่า พรรคก้าวไกลมีข้อสังเกตต่อเหตุการณ์นี้ใน 4 ประเด็นสำคัญ ประเด็นแรก ปัญหาข้อพิพาทแนวเขตที่ดินกรณีนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่ในประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาแนวเขตที่ดินที่ทับซ้อนกันระหว่างหน่วยงานรัฐ และระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชนเกิดขึ้นอยู่ตลอด ซึ่งล้วนแต่เกิดจากการที่แต่ละหน่วยงานใช้ข้อมูลคนละชุด รวมถึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด



ทั้งนี้พรรคก้าวไกล เคยเสนอแนวทางเชิงนโยบายต่อเรื่องนี้ไว้แล้ว นั่นคือการออกแบบกระบวนการใหม่เป็นการเฉพาะ เพื่อดำเนินการสำรวจข้อมูลการถือครองและพิสูจน์สิทธิอย่างเป็นธรรม โดยใช้ข้อมูลที่หลากหลาย สอดคล้องกับข้อเท็จจริงเชิงพื้นที่



ประเด็นที่ 2 กรณีข้อพิพาทดังกล่าว พบข้อพิรุธหลายประการ เช่น การพิจารณาคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ ส.ป.ก. ความถูกต้องของขั้นตอนการสำรวจรังวัด สภาพพื้นที่ไม่เหมาะสม ขัดแย้งกับการเป็นพื้นที่เกษตรปกติ เพราะการได้มาซึ่งสิทธิในที่ ส.ป.ก.นั้น ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบพิจารณาหลายขั้น ซึ่งตัวอย่างกรณีนี้มีหลายแปลง ที่พบว่าผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ไม่ทราบว่าบุคคลที่มีชื่อได้รับการจัดสรรคือใคร ส่อให้เห็นว่าอาจมีการทุจริตในการออก ส.ป.ก.​



นายอภิชาติ ยังเห็นว่า นโยบายเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์บางประการ โดยใช้คำว่า "โฉนด ส.ป.ก." ขณะนี้มีช่องว่างให้คนบางกลุ่มหรือกลุ่มนายทุนที่ไม่ใช่กลุ่มเกษตรกรตัวจริง แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ



ประเด็นที่ 3 จากที่มีการอ้างข้อมูลว่า นอกจากพื้นที่เขาใหญ่แล้ว ยังพบการออก ส.ป.ก.ทับซ้อนเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ จากการสำรวจอุทยานแห่งชาติ 142 แห่ง พบพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 205,000 ไร่ เฉพาะแค่พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานก็สูงถึง 7-8 หมื่นไร่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และมีการแถลงจากสำนักงาน ส.ป.ก.ว่า "จะไม่จัดพื้นที่แนวกันชนให้กับเกษตรกรทำกินโดยเด็ดขาด"



ซึ่งนายอภิชาติมองว่า ประเด็นนี้ต้องระมัดระวัง เพราะพื้นที่แนวกันชนที่ถูกกล่าวอ้างว่าจะดำเนินการเพิกถอนนั้น ไม่ใช่ต้นตอของปัญหาทั้งหมด แต่เกิดจากกระบวนการขั้นตอนของหน่วยงานรัฐ ซึ่งต้องแยกแยะเป็นกรณี เพราะจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ส.ป.ก.อื่น ๆ ที่ดำเนินการถูกต้อง และมีประชาชนทำประโยชน์ตามสิทธิ



และประเด็นที่ 4 นโยบายด้านการปฏิรูปที่ดิน มีความจำเป็นที่ต้องเป็นไปเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรรายย่อย ดังนั้น การพิจารณาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบาย ส.ป.ก.ควรเป็นไปด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้น



นายอภิชาติ ยังบอกทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาจริง ควรเร่งตรวจสอบข้อมูลสิทธิของผู้ได้รับ ส.ป.ก.ทั่วประเทศ หากเป็นผู้ที่ผิดคุณสมบัติตามระเบียบกฎหมาย ต้องเร่งดำเนินการเพิกถอนสิทธิ และจัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้อง