รองผบ.ตร.รับยากสุดที่เคยทำ คดีฆ่า 2 ศพโบกปูนฝังดินยังไม่รู้ใคร

สืบเนื่องจากคดีฆ่าโหด 2 ศพโบกปูนฝังดินอำพรางไว้กลางป่า ในพื้นที่บ้านปอพราน ต.ทุ่งอรุณ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เมื่อตรวจสอบพบร่องรอยกระสุนปืนที่บริเวณศีรษะของทั้ง 2 ศพ และพบหัวกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนจำนวนหนึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค. 65 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ติดตามคดีนี้อีกครั้ง โดยรอง ผบ.ตร.ได้ร่วมประชุมกับชุดสืบสวนคลี่คลายคดี จากทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และสภ.โชคชัย โดยในที่ประชุมได้สรุปความคืบหน้าในการทำงาน ในเบื้องต้นยังคงไม่สามารถระบุได้ว่าทั้ง 2 คนเป็นใครมาจากไหน

พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า ผลการประชุมในวันนี้ยังไม่สามารถที่ระบุตัวตนของผู้ตายทั้ง 2 ศพได้ เนื่องจากสภาพของศพที่ใช้ระยะเวลานานกว่าจะถูกพบ ทำให้มีความเสียหายของกายภาพ และลายนิ้วมือศพ มีแค่เพียงหลักฐานหัวกระสุน และปลอกกระสุนเท่านั้น ซึ่งชุดสืบสวนจะต้องตรวจสอบในเรื่องอื่น ๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการข้อมูลพยานหลักฐาน ตรวจสอบศพของผู้ตายทั้ง 2 ราย ไม่พบข้อมูลว่าเป็นคนสัญชาติไทย แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าไม่ใช่คนไทยหรือไม่ เพราะจะต้องตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้รู้ว่าผู้ตายเป็นใครให้ได้ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศของชาวต่างชาติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 2 รายแต่อย่างใด และในส่วนของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น ขณะนี้ทราบแล้วขนาดของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และยี่ห้อแล้ว พบว่ามีใช้กันในประเทศค่อนข้างมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ได้

นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร.ยังได้ยอมรับเกี่ยวกับหลักฐานชิ้นสำคัญที่อาจจะสามารถระบุตัวบุคคลได้มากที่สุดขณะนี้ก็คือ ซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่พบอยู่ภายในศพหญิงสาว ซึ่งประเด็นนี้ตำรวจสืบหาข้อมูลจากหมายเลขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทราบว่าเป็นซิลิโคนที่มีบริษัทผลิตอยู่ที่ต่างประเทศ และมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่พบว่ามีสินค้ารุ่นนี้ส่งขายในประเทศไทย ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบไปยังบริษัทแม่ต้นทางอย่างละเอียด แต่ติดขั้นตอนการประสานระหว่างประเทศ จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลา หากได้ข้อมูลในส่วนนี้แน่ชัดก็อาจทำให้ทราบว่า ศพผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นใคร ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ แนวทางการสืบสวนยังคงไปไม่ถึงจุดนั้น

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีที่ค่อนข้างยากกว่าทุก ๆ คดีที่ตนเคยทำงานมา จากประสบการณ์กว่า 1,000 คดี เดิมทีตนมองว่าจะสามารถคลี่คลายได้อย่างไม่ยากนัก แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่เอื้อต่อการสอบสวน โดยเฉพาะวันเวลาในการก่อเหตุล่วงเลยมานาน ทำให้หลักฐานส่วนใหญ่ถูกทำลายไปมาก ประกอบการลงมือก่อเหตุมีความละเอียดอ่อนมาก ทำให้การสอบหลักฐานทำได้ยากมากกว่าทุก ๆ คดีที่ตนเคยทำมา