อาชญากรรม

ตร.หญิงโหดปิดบ้านเงียบ ชาวบ้านแฉหัวสูง-ไม่สุงสิงใคร จ่อออกหมายเรียกทำร้ายทหารรับใช้

โดย nicharee_m

19 ส.ค. 2565

89 views

จากกรณีมีทหารยศสิบโท รายหนึ่ง ได้ร้องมาที่เพจโหนกระแส ว่าถูกนายจ้างที่เป็นตำรวจ ยศสิบตำรวจโท ใช้ไม้ฟาดที่หน้า ใช้ไฟฟ้าซ็อต ล่าสุด เตรียมออกหมายเรียก ตำรวจหญิง ที่เป็นเจ้านายรายดังกล่าวแล้ว


โดยเมื่อวานนี้ ทหารหญิง น้า และแม่ ได้มาออกรายการโหนกระแสโดยทหารหญิง เล่าว่า รู้จักกับนายจ้างหญิงรายนี้ เมื่อประมาณปี 59-60 หลังจากไปเป็นลูกจ้าง ทำงานที่ร้านกาแฟซึ่งระหว่างที่ทำ นายจ้างรายนี้ ก็เสนอว่าสามารถฝากเข้าเป็นทหารได้ หากเธอรับปากว่าจะยอมมารับใช้ดูแลที่บ้าน จึงตัดสินใจรับข้อเสนอ และก็ได้เป็นทหาร


ซึ่งเธอเป็นทหารอยู่ประมาณหนึ่งปี หลังจากนั้น ช่วงประมาณปี 2563 ชื่อก็ถูกย้ายไปช่วยราชการที่อื่น แต่ตัวไปอยู่รับใช้ที่บ้านของนายจ้างหญิงรายนี้อย่างเต็มตัว เธอดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งช่วงกลางปี 2564 เริ่มถูกกระทำรุนแรง


โดยนายจ้างหญิงอ้างว่า เธอไม่ใส่ใจเหมือนเดิม จึงเริ่มไม่ให้กลับบ้าน และใช้ความรุนแรง เริ่มจากถูกตบปาก อ้างว่าเพราะพูดจาไม่เพราะ หาว่าโกหก บางครั้งถูกว่าว่าตอแหล


ต่อมาก็เริ่มรุนแรงขึ้น เป็นการบังคับให้ตบปากตัวเองให้เลือดออก จนปากแตก ถ้าเลือดไม่ออกห้ามหยุด ก่อนจะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำมาเทที่ปาก เพื่อให้ปวดแสบปวดร้อน โดยอ้างเหตุผลว่าพูดจาไม่เพราะเช่นเดิม


ซึ่งก็ถูกกระทำรุนแรงมาเรื่อย จนเดือนกุมภาพันธ์ 65 ก็ถูกใช้เครื่องหนีบผมหนีบเข้าที่มือขวาจนกลายเป็นแผลเป็น เนื่องจากหนีบผมให้นายจ้างไม่ทันใจ ช้า นายจ้างจึงคว้ามือมาแล้วเอาเครื่องหนีบทาบลงไป ก่อนจะพูดว่า ไม่คิดว่าเครื่องมันจะร้อน


จากนั้นช่วง 5-6 เดือนก็รุนแรงขึ้น เริ่มจากเดือนมีนาคม ก็ถูก เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย อ้างว่าตนเองชอบพูดจาโกหก ชอบแถ โดยเริ่มช๊อตจากในร่มผ้า ต่อมาช็อตที่ศรีษะ หัวสมอง และปาก พร้อมกับบอกว่าที่ปากมีน้ำ จะนำพากระแสไฟฟ้าได้ดี บางทีช็อตจนทรุดลงไปกับพื้น แต่กลับถูกกล่าวหาว่าแอ็คติ้ง


เธอบอกว่าถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตบ่อยครั้ง จนนายจ้างหญิงบอกว่าเครื่องใกล้เสียแล้ว ถ้าเสียแล้วเธอต้องจ่ายค่าซ่อมด้วย


จนกระทั่งช่วงเดือนสิงหาคม ก็ถูกกระทำรุนแรงมากขึ้น ทั้งไม้ถูพื้นตีเข้าที่หูซ้าย จนเลือดไหล และทำให้หูซ้ายดับไม่ได้ยิน สาเหตุเพราะคุณเอหลับตอนเวลากลางคืน และทวีความรุนแรง ถึงขั้นเอาสเปย์แอลกอฮอล์ฉีดพ่นที่ผม แล้วจุดไฟเผา เนื่องจากอ้างว่าทำงานไม่เรียบร้อย


ขณะเดียวกัน ใช้ไม้ฟุตเหล็กฟาดศีรษะ และดั้ง เหตุเพราะหลับในเวลากลางคืน และทำให้นายจ้างไม่พอใจ


ทุกครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกาย จะไม่ได้ไปพบแพทย์ เต็มที่มากสุดคือรับประทานยา โดยในจ้างหญิงรายนี้จะให้รีบทานยาเพื่อหายเร็วๆ ก่อนออกไปงานนอกบ้าน


ด้านน้าสาว เล่าว่า หลังจากทราบเรื่อง จึงช่วยกันหาเงิน และในวันที่ 13 สิงหาคม ตนเอง จึงติดต่อประสานงานทางปลัด และอำเภอ รวมถึงตำรวจท้องที่ว่า เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น เพื่อให้เข้าไปช่วยหลานสาวออกมา จนตอนเช้าที่ไปถึงก็นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ แต่นายจ้างหญิงไม่ยอม


จนตอนบ่ายครอบครัวกลับไปอีกรอบ พร้อมกับประสานตำรวจท้องที่ส่งพิกัดอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงหน้าบ้านก็เห็นหลานสาวยืนอยู่หน้าบ้าน โดยมีนายจ้างยืนอยู่ข้างๆ ทางน้าสาวจึงรีบเข้าไปล็อคคอหลานสาวออกมา และโทรบอกตำรวจให้นำกำลังเข้ามา ก่อนที่จะนำตัวนายจ้างไปที่ สภ.เมืองราชบุรี


ทางด้านแม่ของคุณเอ เล่าว่า รู้สึกเอะใจตั้งแต่ลูกสาวส่งข้อความมาหา บอกว่ารักแม่และไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลได้นานเพียงใด จึงตัดสินใจไปหาที่บ้านพัก และเห็นรอยบาดแผลที่ใบหน้า เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวใจแทบแตกสลาย ไม่รู้มาก่อนว่าลูกถูกทำร้าย และถูกทรมาน จึงรีบกลับไปปรึกษาคนในครอบครัวหาเงินมาจ่ายให้กับนายจ้างเพื่อพาลูกสาวออกมา


โดยเมื่อวานนี้หลังจากจบ รายการโหนกระแส กัน จอมพลัง และทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อม ทหารหญิงรับใช้ เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองราชบุรี


โดยมี พันตำรวจเอกธานินทร์ ฉัตรเจริญพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี รักษาราชการแทนผู้กำกับ สภ.เมืองราชบุรี และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดราชบุรี, พัฒนาสังคมฯ จังหวัดราชบุรีและตัวแทนที่ปรึกษาสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมรับฟังด้วย


โดยพันตำรวจเอกธานินทร์ ฉัตรเจริญพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี รักษาราชการแทนผู้กำกับ สภ.เมืองราชบุรี เปิดเผยว่า ทราบเรื่องตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากได้พาเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายออกจากบ้านของนายจ้าง ก่อนส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากทางผู้เสียหายยังอยู่ในอาการบาดเจ็บจึงให้พักรักษาตัวจนอาการดีขึ้น ก่อนที่จะสอบปากคำ


เบื้องต้นจากการสอบถาม สิบตำรวจโทหญิง นายจ้างคนดังกล่าวในวันที่ไปช่วยผู้เสียหายออกมา ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งได้กำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา ถ้าพบความผิด ก็ดำเนินคดีอย่างตรงไป ตรงมา


พันตำรวจเอก ธานินทร์ ยังเปิดเผยถึงกระแสข่าวว่า จะนำกำลังเข้าค้นบ้าน และจับกุม ส.ต.ท. หญิงกรศศิร์ บัวแย้ม ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 อ้างว่าเป็นภรรยา สว.คนหนึ่ง ทำร้ายร่างกายทหารหญิงลูกจ้าง


และเมื่อคืนได้ดำเนินการสอบสวนปากกับทางผู้เสียหายกว่า 8 ชม.ได้ตามประเด็นต่าง ๆ ที่ทางทีมงานพนักงานสอบสวนได้วางไว้


ซึ่งได้ดำเนินการไปเยอะมากแล้ว ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อไป เพื่อความรอบคอบของสำนวนการสอบสวนก่อน ดำเนินการออกหมายเรียกหรือหมายจับตามขั้นตอน


ขณะที่ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้ลงพื้นที่ ไปที่บ้านของสิบตำรวจโทหญิง คนดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ 2 หลัง หลังแรก คือบ้านทาวน์เฮ้าส์ ที่เกิดเหตุการทำร้ายทารุณ ทหารหญิงรับใช้ ซึ่งพบว่า บ้านถูกปิดเงียบ มีกล้องวงจรปิด 2 ตัวอยู่หน้าบ้านกำลังทำงานอยู่ ผู้สื่อข่าวพยายามเรียก แต่ไม่มีการตอบรับจากในบ้าน


ส่วนบ้านหลังที่ 2 จากข้อมูลทราบว่า เป็นบ้านที่สิบตำรวจโทหญิงอาศัยอยู่กับแม่ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งบ้านทั้ง 2 หลังอยู่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ถูกปิดเงียบทั้ง 2 หลังไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน


ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงบ้านทั้ง 2 หลัง ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้จักและเห็นสิบตำรวจโทหญิงคนนี้ตั้งแต่เด็ก เป็นคนค่อนข้างไฮโซ หัวสูง ไม่สุงสิงหรือพูดคุยกับชาวบ้าน คนทั่วไป และชาวบ้านรู้กันดีว่า เป็นเมียสมาชิกวุฒิสภา


คุณอาจสนใจ

Related News