วันที่ 1 ก.พ. สถานการณ์ในเมียนมา หลังจากกองทัพเมียนมา นำโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ทำการรัฐประหาร เเละควบคุมตัว อองซานซูจี, ประธานาธิบดี และนักการเมืองคนสำคัญของรัฐบาลพลเรือน พร้อมกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี ล่าสุดก็มีปฏิกิริยาจากนานาประเทศ แสดงความวิตกกังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรียกร้องให้กองทัพเมียนมาปล่อยตัว ซูจี 

การทำรัฐประหารในเมียนมาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 เเล้ว นับตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร โดยสาเหตุ ที่ทำให้เกิดรัฐประหารอีกครั้งมาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ปรากฏว่าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ของอองซานซูจี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และครองเสียงข้างมากในสภา มากถึง 396 จาก 476 เสียง คิดเป็นร้อยละ 83 

โดยกองทัพอ้างว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมามีการโกงเกิดขึ้น จึงร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งของเมียนมา แต่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่เห็นด้วย และระบุว่า หากพบว่ามีการโกงการเลือกตั้งจริง ก็ให้ทางกองทัพนำหลักฐานมาแสดง 

สถานการณ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลพลเรือน ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ จนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จึงมีกระเเสข่าวว่า จะมีการก่อรัฐประหาร แต่ทางกองทัพก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญปี 2551 และจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

จนกระทั่งในช่วงเช้าวันนี้ เหตุการณ์ที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้น เมื่อกองทัพนำกำลังเข้าจับกุมตัว อองซานซูจี, ประธานาธิบดีวิน มยินต์, คณะรัฐมนตรี รวมถึงคณะกรรมการพรรคเอ็นแอลดี พร้อมกับประกาศคุมอำนาจประเทศ และประกาศภาวะฉุกเฉิน เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ ยังแต่งตั้ง พลเอกมิน ส่วย รองประธานาธิบดี ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราว 

สถานีโทรทัศน์เมียวดี ซึ่งดูแลโดยกองทัพเมียนมา ระบุว่า เหตุผลหลักมาจากรัฐบาลทำงานล้มเหลวใน 2 เรื่องใหญ่คือ ไม่สามารถจัดการข้อร้องเรียน เรื่องการโกงเลือกตั้งได้ และไม่ยอมเลื่อนวันเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่เมียนมายังเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 

ต่อมาในช่วงบ่าย พรรคเอ็นแอลดี ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความของนางอองซานซูจี โดยระบุว่า อย่ายอมรับการทำรัฐประหารครั้งนี้ ขอให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง เนื่องจากการทำรัฐประหารทำให้ประเทศถอยกลับไปสู่ยุคเผด็จการ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้เผยแพร่ ด้านกองทัพ ออกมาบอกว่าจะคืนอำนาจกลับคืนประชาชน โดยจะให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง หลังจากคำสั่งภาวะฉุกเฉิน สิ้นสุดลงในอีก 1 ปีข้างหน้า 

การทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ทำให้มีปฏิกิริยาจากนานาชาติ หลายประเทศออกมาแสดงความวิตกกังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างเช่นที่สหรัฐอเมริกา ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ สหรัฐฯ คัดค้านความพยายามใด ๆ ก็ตาม ที่จะเปลี่ยนผลการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมา พร้อมกับกำลังจับตาสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด ขณะที่นายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์เมียนมาที่ค่อนข้างเปราะบาง เรียกร้องกองทัพเมียนมา ปล่อยตัวซูจีโดยทันที

ด้านรองผู้อำนวยการ ฮิวแมน ไรท์ วอช ประจำภูมิภาคเอเชีย ประณามการยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในเมียนมา พร้อมระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลก จะเข้ามากดดัน หรือใช้มาตรการคว่ำบาตรเมียนมา ขณะที่จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเมียนมา ออกมาระบุว่า จีนยังคงเฝ้าจับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด 

ล่าสุด กองทัพเมียนมา ได้ออกประกาศฉบับที่ 1 มีใจความสำคัญระบุว่า กองทัพจะตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งใหม่ เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หากดำเนินการเสร็จจะจัดการเลือกตั้งใหม่ และคืนอำนาจให้กับพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง