เลือกตั้งและการเมือง

กมธ.มั่นคงฯ จ่อลงพื้นที่แม่สอด 12-14 พ.ค. ชงไทยเป็นตัวกลางสร้างสันติภาพในเมียนมา

โดย panwilai_c

25 เม.ย. 2567

80 views

คณะกรรมาธิการความมั่นคง สภาผู้แทนราษฎร เตรียมลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วันที่ 12 ถึง 14 พฤษภาคมนี้ เสนอไทยมีบทบาทในการเป็นผู้อำนวยความสะดวกสร้างสันติภาพในเมียนมา และหยุดการซื้อขายน้ำมันที่จะไปสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพเมียนมา ตามที่มีการเรียกร้องของนานาชาติด้วย



นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงผลกระทบต่อความมั่นคงและชายแดนไทยจากสถานการร์ในเมียนมา



โดยชื่นชมเจ้าหน้าที่ไทยที่มีความก้าวหน้าอย่างเป็นลำดับ แต่ต้องจัดการปัญหาเร่งด่วน เช่นการนำแนวทางการปฏิบัติงาน SOP ฉบับใหม่มารองรับการจัดการผู้ลี้ภัย และต้องมีมาตรการต่อปปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพเมียนมา ที่มีการซื้อขายน้ำมันจากไทยประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีข้อเรียกร้องมาจากหลายฝ่ายที่จะผลักดันสันติภาพในเมียนมา และสอดคล้องกับหลักปฏิบัติของสมาชิก G7 ที่ไม่ควรมีการขายน้ำมันให้กับทหารเมียนมา



ส่วนข้อเสนอระยะกลาง คณะกรรมาธิการเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเจรจากับทุกฝ่าย ไทยมีความท้าทายหลายเรื่อง นอกเหนือปัญหาการสู้รบที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ยังมีปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ โดยจะมีการตั้งคณะทำงานและคณะอนุกรรมาธิการ ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเพราะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีปฏิบัติการบางอย่างที่ให้ไทยเป็นฐานในการฟอกเงินของเครือข่ายการซื้ออาวุธที่ใช้ในปฏิบัติการเมียนมา พร้อมทั้งจัดตั้งกลไกความร่วมมือระหว่างชายแดนแทนศูนย์ประสานงานชายแดนเดิม ส่วนข้อเสนอระยะยาว ไทยต้องพูดคุยถึงอนาคตเมียนมา และเข้าไปมีบทบาทในการเป็นผู้อำนวยการความสะดวกสร้างสันติภาพช่วยเหลือประชาชนเมียนมา เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้



คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาเป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวพันกับไทย ไทยควรเป็นผู้ประสานงานเพื่อให้เกิดสันติภาพในเมียนมาภายใต้พื้นฐานต้องไม่แทรกแซงกิจการของชาติอื่น โดยในวันที่ 12 ถึง 14 พฤษภาคมนี้ คณะกรรธิการจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยจะพูดคุยกับทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นการทำงานคนละกลไกกับที่รองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ไปแล้ว แต่มีจุดหมายเดียวกันคืออยากเห็นไทยเข้าไปมีบทบาทสร้างสันติสุขในเมียนมา โดยไม่ได้เป็นการแทรกแซง และยังรักษาผลประโยชน์คนไทยไว้

คุณอาจสนใจ

Related News