สังคม
นักวิชาการวิเคราะห์สมรภูมิ 'เมียวดี' มองเขตเศรษฐกิจ 'ชเวก๊กโก่' ตัวแปรสำคัญ
โดย panwilai_c
25 เม.ย. 2567
173 views
การสู้รบในเมืองเมียวดี อาจยืดเยื้อ หลังสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลทหารเมียนมา และกองกำลังชาติพันธุ์ ยังไม่ยอมแพ้ และบทบาทของกองกำลัง BGF กลายเป็นตัวแปรสำคัญต่อสมรภูมิรบที่เมียวดี โดยเฉพาะผลประโยชน์ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวก๊กโก่ ถูกนำมาเป็นอำนาจต่อรองต่อสันติภาพในเมียนมา จึงมีการเรียกร้องบทบาทของไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน หากอยากเป็น Peace Maker ต่อการสร้างสันติภาพในเมียนมา ต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ริมชายแดนไทยด้วย
มองจากชายแดนไทยริมแม่น้ำเมย อ.แม่สอด จ.ตาก อาคารสูงที่ตั้งอยู่โดดเด่นเรียงรายในเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวก๊กโก่ เมืองเมียวดี มองเห็นจากระยะไกล แค่ขับรถผ่านก็จะเห็นชัดเจน เพราะฝั่งประเทศไทยมีเพียงไร่ข้าวโพด สลับกับท่าข้ามสินค้า และบ้านเรือนประชาชนอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ชุมชนใหญ่ แต่ที่มีมากกว่าบ้านเรือนผู้คน คงจะเป็นเสาสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ที่วางเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำเมย ไม่ต่ำกว่า 30 เสา ระยะทาง 5 กิโลเมตร ในพื้นที่ตำบลแม่ปะ อ.แม่สอด ทั้งๆที่ไม่ใช่พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น น่าจะเป็นหลักฐานที่ตั้งคำถามได้ว่า ประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับการเอื้อประโยชน์ให้การทำธุรกิจในเมืองชเวก๊กโก่
ในขณะที่มีการร้องเรียนจากเหยื่ออาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ทั่วโลกว่าพวกเขาถูกหลอกจากขบวนการที่มีฐานเครือข่ายจากชเวก๊กโก่แห่งนี้ รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานในเมืองใหม่ชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ค ที่มีการขอความช่วยเหลือจากสถานทูตประเทศต่างๆ นำตัวมารอการส่งกลับที่ประเทศไทย ทั้งจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เคนยา ยูกันดา และแม้กระทั่งชาวโรฮิงญา ซึ่งมีข้อมูลอยู่ในหน่วยงานรัฐไทยแต่ไม่เคยเปิดเผย
นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า แหล่งอาชญากรรมข้ามชาติริมชายแดนไทย เป็นภัยร้ายแรงที่ประเทศไทยจะหลับตาข้างเดียวไม่ได้ และเมื่อเมืองใหม่ชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ค กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการนำมาใช้เป็นอำนาจต่อรองในการเจรจาเพื่อยุติศึกในเมียวดีของรัฐบาลทหารเมียนมา กับกองกำลัง BGF ยิ่งเห็นได้ชัดว่าแหล่งอาชญากรรมนี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อการแพ้ชนะในเมียวดี หากรัฐบาลไทยอยากมีบทบาทเป็น PeaceMaker ต่อการสร้างสันติภาพในเมียนมา จะต้องแสดงให้เห็นก่อนว่าจะหยุดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้ได้หรือไม่
ส่วนสมรภูมิเมียวดี หลังกองกำลัง BGF นำโดย พ.อ.หม่องชิตู่ เปิดทางให้ทหารเมียนมา SAC เข้าไปปักธงยึดคืนฐาน กองพัน ร.275 ได้เท่านั้น แต่พื้นที่รอบนอกยังมีปฏิบัติการทางทหารระหว่างทหารเมียนมา SAC กับกองกำลังผสม KNLA และ PDF ที่ยังประกาศแพ้ชนะกันไม่ได้ เพราะรัฐบาล SAC ไม่ยอมพ่ายแพ้ในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างเมียวดีได้ง่ายๆ ภายใต้ปฏิบัติการอ่องเซญา ตัวแปรอย่างเมืองชเวก๊กโก่ที่เป็นผลประโยชน์ของ BGF และนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง จึงกลายมาเป็นปัจจัยหนึ่งในอำนาจต่อรองนี้ แต่การสู้รบที่ผ่านมาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ NUG ที่กำลังทหาร KNLA และ PDF จับมือร่วมรับจนยึดเมืองเมียวดีได้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเมียนมา เพราะแม้จะต้องพักรบในเมืองเมียวดี แต่ศึกใหญ่รอบด้านยังรุมเร้ารัฐบาลทหาร SAC และทาง KNU ยังมีกองกำลังชาติพันธ์ที่เป็นพันธมิตรร่วมรบทั้ง กองกำลังคะฉิ่น KIA,กองกำลังชิน ร่วมด้วย
ทั้งรศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช และ นายกัณวีร์ สืบแสง เห็นตรงกันว่า ความท้าทายต่อการจัดการแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติในเมียวดี เป็นตัวแปรสำคัญที่ท้าทายสำหรับรัฐบาลไทย ที่ต้องแสดงบทบาทนำในการแก้ไขปัญหานี้เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่กำลังบ่อนทำลายสันติภาพในเมียนมาด้วย ขณะที่ด่านพรมแดนมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ยังไม่เปิด เช่นเดียวกับด่านพรมแดนเม่สอด 1 ในฝั่งเมียวดีทางการเมียนมายังไม่เปิดให้ทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวเข้ามายังประเทศไทย