ข่าวโซเชียล
ดรามา ไม่หลบรถกู้ภัย ตร.เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา สาวขับเก๋ง
โดย attayuth_b
27 ก.ค. 2565
291 views
กรณีดรามาสาวผู้ช่วยพยาบาลขับเก๋งไม่หลบรถกู้ภัย แถมยังไปโพสต์โวยถูกรถกู้ภัยเปิดไซเรนขับจี้ สุดท้ายทำให้รถกู้ภัยไปรับคนไข้วิกฤตสีแดงไม่ทัน ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเสียชีวิต ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์บอกมีคนตาย เจ้าตัวกลับมาตอบ "แล้วไงคะ" ล่าสุดตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาคนขับเก๋งรายนี้แล้ว
จากกรณีมีผู้หญิงคนหนึ่ง ได้โพสต์เข้าไปในกลุ่ม "ชุมทางทุ่งสง" ระบุข้อความเชิงตำหนิการทำงานของกู้ภัยว่า "ฝากถึงรถมูลนิธิสยามรวมใจนะคะ เวลาขอทางให้เวลารถคันหน้าดูรถทางซ้ายมือบ้าง ไม่ใช่คิดแต่จะจ่อตูดอย่างเดียว คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นเค้าบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง ถึงน้องจะรีบแค่ไหน ด่วนแค่ไหน คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นด้วยค่ะ"
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ชาวเน็ตได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ออกปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ยังตอกกลับผู้ที่โพสต์อีกด้วย
ขณะที่เจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "บอกแล้วต้องฟังความสองด้าน อย่ารีบเม้น อบอุ่นในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายอยู่หน้าบัลลังก์ ลบไม่ทันแล้วนะคะ แคปหมดแล้ว บอกแล้วใจเค้าใจเรา แล้วตอนเกิดเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้มีคนไข้บนรถนะคะ ฝากไว้ให้ทราบ สำหรับคนที่คิดว่ามีคนไข้อยู่บนรถแล้วเราโดนจี้ตูด จี้หยุด จี้หยุด คนเคยโดนเท่านั้นถึงจะเข้าใจ"
นอกจากนี้ผู้ช่วยพยาบาลรายนี้ ยังได้เข้าไปตอบกลับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ได้เขียนแสดงความคิดเห็นว่า "ตอนนี้คนไข้ที่อยู่บนรถคันนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว" ปรากฎว่าคำตอบของสาวผู้ช่วยพยาบาลรายนี้ ตอบว่า "แล้วไงคะ ตายเพราะพี่เหรอในความคิดน้อง" ซึ่งก็ทำให้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่ออีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่ถามถึงจิตสำนึกของผู้ช่วยพยาบาลรายนี้ว่ามีไหม
ขณะที่เฟซบุ๊ก "ปิยะพงษ์ สุขชนะ" ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ทุ่งสง ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมนำคลิปการปฏิบัติหน้าที่ของรถพยาบาลฉุกเฉินมูลนิธิฯ ออกมาเปิดเผย โดยพบว่าระหว่างเดินทางไปรับผู้ป่วยวิกฤตสีแดง ได้มีรถเก๋งสีเขียวขับกีดขวางเส้นทางไม่ยอมหลีกทางให้ แม้จะเปิดไซเรน รวมทั้งออกประกาศทางลำโพงเพื่อขอทางแล้วก็ตาม แต่อีกฝ่ายก็ยังเพิกเฉย
จึงทำให้ล่าช้าต่อการไปช่วยเหลือผู้ป่วยเคสดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ปรากฏว่า ผู้ป่วยได้มีภาวะหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไปได้เร็วกว่านี้แล้วหัวใจยังไม่หยุดเต้น ก็อาจจะช่วยเหลือไว้ได้ทันการ พร้อมกันนี้สำหรับสาวผู้โพสต์ทราบว่า ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง น่าจะเข้าใจเรื่องการช่วยผู้ป่วยเป็นอย่างดี ถ้าอาการไม่หนักจริง ทางคนขับรถคงไม่รีบร้อนขนาดนี้...ใจเขาใจเรา
ด้านนายทรงเกียรติ ศรีขวัญช่วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ทุ่งสง ที่ขับรถพยาบาลฉุกเฉินคันเกิดเหตุ ชี้แจงดรามาที่เกิดขึ้น ว่า เวลา 15.30 น.วานนี้ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือเหตุผู้ป่วยหมดสติ พื้นที่หมู่ 8 ต.เขาโร อำเภอทุ่งสง จึงรีบนำรถพยาบาลฉุกเฉินของมูลนิธิฯ ออกช่วยเหลือ ระหว่างทางเจอรถเก๋งคันหนึ่งขับชิดเลนขวา ตนพยายามพูดผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อขอทางแล้ว แต่ก็ยังไม่หลบทางให้ จึงตัดสินใจหักพวงมาลัยหลบซ้ายเพื่อรีบไปรับผู้ป่วย เมื่อไปถึงผู้ป่วยก็อยู่ในสภาพหมดสติ จึงทำการปั๊มหัวใจระหว่างส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้บริหารโรงพยาบาลที่ผู้ช่วยพยาบาลรายนี้ทำงานอยู่ ได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวต่อกรณีที่เกิดขึ้น แต่ล่าสุดได้แจ้งยกเลิกการแถลงข่าวแล้ว โดยทางผู้บริหารโรงพยาบาลให้ข้อมูลเพียงว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นช่วงนอกเวลางานของบุคลากรโรงพยาบาล จึงถือเป็นพฤติกรรมส่วนตัว
ขณะที่ทางตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา เพราะหลักฐานในคลิปชัดเจนว่าขับรถแช่ขวา โดยมีเจตนาไม่หลบรถพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
ด้านญาติของผู้ป่วยที่เสียชีวิต ทีมข่าวได้ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์แต่ญาติบอกเพียงว่า ไม่พร้อมให้ข้อมูล และญาติๆ ไม่ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่อยากให้เป็นประเด็นดรามา
ข้อมูล** พ.ร.บ.จรจาทางบก มาตรา 76 ระบุว่า เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหนาที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนี้ผู้ที่ขับรถกีดขวางรถพยาบาลก็อาจจะถูกตั้งข้อหาหนักตามมาอีกด้วย ถ้าหากการกระทำนั้นเป็นเหตุโดยตรง ที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยในรถพยาบาลถึงแก่ชีวิต อาจเข้าข่ายกระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือกระทำโดยเจตนาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ขับรถ
รับชมได้ทางยูทูป : https://youtu.be/ACmjp-ajr-I