ข่าวโซเชียล

คณบดีแจงแล้ว ดรามาเลี้ยงแมวกินไฟหลวง เผยเป็นแมวจร แค่ช่วยกันดูแลรอเจ้าของใหม่

โดย passamon_a

9 ม.ค. 2567

380 views

คณบดีคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์ข้อความว่า คณบดีฯนำแมว 4 ตัว มาเลี้ยงที่ห้องประชาสัมพันธ์ของคณะ พร้อมกับเปิดแอร์และไฟให้ทั้งวันทั้งคืน ยืนยันไม่ได้เปิดแอร์และไฟตามที่เพจระบุ และแมวที่คณะดูแล ไม่ใช่แมวของตนเอง เป็นแมวจรที่เจ้าหน้าที่รับมาดูแล ส่วนห้องที่แมวอาศัย เป็นห้องปิดใช้งาน อยู่ระหว่างรอการปรับปรุง เพื่อทำเป็นคอมมอนสเปซ หรือห้องทำกิจกรรมของนักศึกษา


จากกรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์รูปภาพและข้อความ ระบุว่า "เอาแมวมากินไฟหลวง หัวจะปวด เหตุเกิดที่คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์เทเวศร์ คณบดีฯสาว ได้ขนแมวของตัวเอง 4 ตัว ไปเลี้ยงให้กินนอนอยู่หน้าห้องตัวเองชั้น 3 แล้วให้เลขาฯ คอยดูแล


ต่อมาก็สั่งย้ายฝ่ายประชาสัมพันธ์ขึ้นไปไว้หน้าห้องตัวเอง อยู่กันจำกัดจำเขี่ยในพื้นที่คับแคบ แล้วย้ายแมวไปไว้ที่ห้องประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 โอ่โถงกว้างขวาง


เปิดไฟเปิดแอร์ฉ่ำ ๆ ให้แมวทั้งวันทั้งคืน ปิดล็อคประตูด้านหน้าห้ามใครเข้าใช้ พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลตึก คนหลวง คอยดูแลให้อาหาร เก็บอึเก็บฉี่ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ จากเจ้าหน้าที่ตึกก็กลายเป็นสมุนแมวที่แท้ทรู ใด ๆ เรื่องนี้แมวไม่ผิด น้องเปรอะสามสี น้องดำควรยึดเข้าเพจ"


วันที่ 8 ม.ค.67 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว กับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร เทียบจัตุรัส คณบดีคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร


คณบดีฯยินดีให้ข้อเท็จจริงกับทีมข่าว แต่ขอไม่ให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า แมวทั้ง 4 ตัวนั้น เป็นแมวจรที่อยู่บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อช่วงประมาณ 7-8 เดือนที่แล้ว คณบดีฯและเจ้าหน้าที่ของคณะ ได้ไปติดต่อราชการที่กระทรวงศึกษาธิการ ขณะกำลังจะกลับมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มาขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยรับลูกแมวไปดูแล เพราะขณะนั้นแมวยังตัวเล็ก ลืมตายังไม่ได้


โดยลูกแมวทั้ง 4 ตัว เป็นแมวจร ที่ถูกคลอดทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่ รปภ.สังเกตเห็นมีสัตว์เลื้อยคลานพยายามจะมากินลูกแมวทั้ง 4 ตัว จึงอยากหาคนช่วยดูแล เจ้าหน้าที่ของคณะที่ไปด้วยกันเกิดความสงสาร จึงยกลังลูกแมวขึ้นไปไว้บนรถ ทั้งที่ตนเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรับไปดูแล


ช่วงแรก ๆ ที่แมวยังตัวเล็ก ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะสลับกันดูแลที่คณะ แต่ช่วงที่ยังตัวเล็กมาก ๆ แมวยังไม่ลืมตา เจ้าหน้าที่ก็จะสลับกันเอากลับไปที่บ้านบ้าง เพราะต้องป้อนนม ป้อนอาหาร แต่ปกติแมวทั้ง 4 ตัว ก็ถูกเลี้ยงอยู่ที่คณะ


ต่อมาวันหนึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า บริเวณคณะมีงูเหลือมความยาวประมาณ 3-4 เมตร เลื้อยมาที่คณะ เจ้าหน้าที่จึงกังวลว่างูจะมากินลูกแมว จึงนำแมวไปเลี้ยงที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ของคณะ ซึ่งเป็นห้องที่ปิดไว้ อยู่ระหว่างรองบประมาณปรับปรุง เพื่อทำเป็นห้องคอมมอนสเปซ หรือห้องทำกิจกรรมของนักศึกษา เพราะคณะมีอาคารเพียง 1 ตึก พื้นที่ทำกิจกรรมของนักศึกษาไม่เพียงพอ จึงอยากทำห้องให้นักศึกษาเพิ่ม


ส่วนข้อกล่าวหาว่านำแมวมาเลี้ยงที่ห้องประชาสัมพันธ์ แล้วย้ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไปอยู่หน้าห้องคณบดีฯ ส่วนนี้ข้อมูลไม่ถูกต้อง เพราะหลังจากมีแผนจะเปลี่ยนห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของนักศึกษา ก็ย้ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ไปอยู่รวมกับสำนักงานคณบดี ที่บริเวณชั้น 3 เป็นเวลาหลายเดือนก่อนแล้ว ก่อนที่จะนำแมวมาไว้ในห้องประชาสัมพันธ์ที่รอการปรับปรุง


ข้อกล่าวหาที่บอกว่าใช้ไฟหลวง เปิดไฟเปิดแอร์ให้แมวทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะไม่มีการเปิดไฟและเปิดแอร์ เป็นห้องที่ปิดไว้ มีเพียงเจ้าหน้าที่จะสลับกันนำน้ำและอาหารไปให้แมวเท่านั้น ส่วนเรื่องอึและฉี่แมว เจ้าหน้าที่คณะคนที่รักแมว ก็สลับกันไปดูแล ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างไร ทั้งนี้งบประมาณที่ขอไปเพื่อปรับปรุงห้อง กำลังจะได้งบก้อนแรก สำหรับทาสีภายในห้อง แมวที่เลี้ยงอยู่ในห้องก็ต้องย้ายออก


ในความจริงแล้ว มีนักศึกษาประสงค์ขอนำแมวทั้ง 4 ตัวไปเลี้ยง แต่ด้วยแมว 4 ตัว เป็นแมวตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 2 ตัว เจ้าหน้าที่จึงเห็นว่า รอให้ทำหมันแมวตัวเมียทั้ง 2 ตัว ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ค่อยเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน เพราะถ้าไม่ทำหมัน เดี๋ยวจะออกลูกออกหลานเพิ่ม กลายเป็นการเพิ่มแมวจรขึ้นอีก


ยืนยันว่าแมวทั้ง 4 ตัว ไม่ใช่แมวของตนเองที่เอามาเลี้ยงที่คณะฯ แต่เป็นแมวที่เจ้าหน้าที่สงสารอยากช่วยมาดูแล ตนเองเป็นหนึ่งคนที่รักแมว เห็นว่าห้องประชาสัมพันธ์ปิดไว้ อยู่ระหว่างรอปรับปรุงจึงให้นำไปอยู่ได้ชั่วคราว


ทั้งนี้ทีมข่าวสอบถามเรื่องดังกล่าว ไปยังสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ได้รับคำยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวตามที่เพจดังนำมาโพสต์นั้น อธิการบดีฯรับทราบเรื่องแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากทุกด้าน ภายใน 1-2 นี้ จะสรุปความชัดเจนของเรื่องทั้งหมดที่เป็นข่าว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0co8Ytoz41w

คุณอาจสนใจ