สังคม

เปิดสาเหตุ 'เฮียตุ้ง' คลั่ง เพื่อนเมียเล่าพฤติกรรม - เปิดประวัติ 'พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์' ผู้ใต้บังคับบัญชาเผยนาทีถูกยิงดับ

โดย passamon_a

21 ก.ค. 2567

1.1K views

เปิดสาเหตุ เฮียตุ้ง คลั่ง ยิง รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิต พบเรียกลูกสาว 3 คน ที่แยกไปอยู่กับแม่ ปมทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวบ่อยครั้ง กลับมาทำความสะอาดบ้าน แล้วคุมตัวลูกสาวไว้ ให้ติดต่อภรรยาให้เข้ามาหา ตำรวจ สน.ท่าข้าม เข้าตรวจสอบเจรจา จังหวะ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม จะเข้าชาร์จ หลังเจรจาไม่เป็นผล ลูกสาววิ่งสวนออกมาจน รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียหลัก ถูกยิงเข้าหน้าอก


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 ก.ค.67 มีรายงานว่า จากการตรวจสอบสาเหตุการก่อเหตุดังกล่าว คาดว่า นายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง อายุ 49 ปี มีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง โดยมีการทำร้ายภรรยา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม ต้องเข้าไประงับเหตุ และมีการทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงระหว่างก่อนเกิดเหตุ ภรรยาพร้อมด้วยลูกสาว 5 คน ได้ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง แต่ในเวลาเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เรียกลูก 3 คน มาช่วยทำความสะอาดบ้าน ในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วผู้ก่อเหตุได้ควบคุมตัวลูกสาวไว้ โดยบอกให้ติดต่อภรรยาให้เข้ามาหาตนเอง จนกระทั่งมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม เข้าทำการตรวจสอบเจรจา พร้อมกับภรรยาของนายบุญมา


กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จันยะรมย์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ได้ลงพื้นที่เข้าระงับเหตุ เจรจากับผู้ก่อเหตุ โดยพูดคุยอยู่ตรงบริเวณประตูทางออกของบ้าน จังหวะที่คิดว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ ได้ถอดเสื้อเกราะออก ระหว่างที่จังหวะเห็นผู้ก่อเหตุกำลังเผลออยู่นั้น จึงได้เข้าไปเพื่อทำการจับกุม แต่เป็นจังหวะที่ลูกสาวของผู้ก่อเหตุวิ่งสวนออกมา จึงทำให้ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ เสียหลักลื่นล้ม ผู้ก่อเหตุจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนเข้าที่หน้าอกของ พ.ต.ท.กิตต์ชนม์ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต


ต่อมาเวลา 09.20 น. แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ได้ร่วมเข้าชันสูตรพลิกศพเฮียตุ้ง ภายในบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อสรุปการเสียชีวิตว่ายิงตัวเองหรือเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบวิถีกระสุน ทั้งหมดเกือบ 100 นัด มาประกอบผลการเสียชีวิต ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง


จากนั้นกู้ภัยได้ลำเลียงร่างของเฮียตุ้ง ออกจากบ้าน ส่งไปยังนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรตามขั้นตอนโดยละเอียดอีกครั้ง โดยก่อนลำเลียงศพออกไปนั้น ตำรวจได้เรียกให้ลูก 3 คน ของเฮียตุ้ง ที่สังเกตการณ์อยู่หน้าบ้าน เข้าไปพูดคุยที่บริเวณหน้าบ้านและดูศพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย


ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามกับ คนสนิทของภรรยาเฮียตุ้ง ที่ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ บอกว่า เมื่อวานนี้ภรรยาเฮียตุ้งโทรมาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า "ลูกสาวอยู่ในบ้านถูกปืนตบหัว มีตำรวจมาหรือยัง รถแดง (รถเฮียตุ้ง) ยังอยู่ไหม" เธอจึงบอกกลับไปว่า "มีแล้ว ขับมอเตอร์ไซค์ มากันแค่ 2 คน" โดยตอนนั้นยังไม่เกิดเรื่อง ก่อนจะพบว่าตำรวจถูกยิง


ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ช่วยลูกสาว 2 คนของเฮียตุ้ง ให้ปีนบันไดลงมาจากบ้านได้ หลังก่อนหน้านี้เดินทางเข้ามาที่บ้าน เพื่อช่วยพ่อทำงาน เพราะสงสาร แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้


ส่วนภรรยาของเฮียตุ้งกับลูกสาวทั้วหมด ย้ายไปเช่าคอนโดอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าแล้ว มีเพียงเฮียตุ้งคนเดียวที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ สาเหตุที่ภรรยาและลูกต้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะไม่กล้าอยู่กับเฮียตุ้ง ที่ผ่านมาภรรยาเคยถูกซ้อมมาแล้ว แถมยังอารมณ์ร้อนเวลาหิว จะกินข้าวกลางดึก ก็ต้องตื่นมาทำให้กิน หรือขนาดไปซื้อไข่ที่ตลาด ถ้าใช้ให้มาถือไม่ทันใจ ไม่ถูกใจ ก็เขวี้ยงไข่ใส่กลางบ้าน


ที่ผ่านมาเฮียตุ้งป่วย ต้องกินยาตลอด และไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่ขอร้องภรรยาว่ากลับบ้านและกินยาตามปกติ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กิน จนอาการกำเริบหนัก ช่วงหลังที่ภรรยาและลูกไม่อยู่ ก็มักจะชอบยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความเครียด พร้อมตะโกนว่า "เอาเมียกูคืนมา" แล้วยังคิดว่าภรรยามีชู้ ชอบขโมยเงินด้วย ซึ่งภรรยาเฮียตุ้ง ก็มักระบายให้ฟังว่าทนมาหลายปีแล้ว จนทนไม่ไหวและไม่อยากอยู่ด้วย


ขณะที่เพื่อนของภรรยาผู้ก่อเหตุ ได้โทรศัพท์ไปหาลูกของเฮียตุ้ง ลูกสาวเป็นคนรับ บอกว่า น้องที่ถูกพ่อทำร้ายและแม่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว อยู่ที่บ้านอาม่า ส่วนเธออยู่ที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ ตำรวจยังไม่ให้เข้าไปด้านในบ้าน ซึ่งเธอไม่ได้พูดถึงรายละเอียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะวางสายไป


ด้าน พลตำรวจตรีประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม เป็นกรณีที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งส่วนนี้ยืนยันจะดูแลอย่างเต็มที่ โดยมีสวัสดิการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ที่จะเข้ามาดูแล


ขณะที่รายละเอียดยังไม่ได้ข้อสรุป อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ ได้เดินทางมาระงับเหตุด้วยตัวเอง พร้อมกับดาบตำรวจไชยวัฒน์ ซึ่งครั้งแรกที่เดินทางมาถึงได้พบว่าผู้ก่อเหตุ และลูก 2 คน อยู่ภายในบ้าน ทางญาติได้ขอร้องให้ช่วย ซึ่งตำรวจได้พยายามเข้าไปภายในบ้าน เพื่อเข้าประกบตัวผู้ก่อเหตุ แต่ระหว่างนั้นลูกของผู้ก่อเหตุได้วิ่งสวนออกมาทางประตูด้านหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกระสุนปืนยิงใส่ และไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจยิงหรือไม่


สำหรับ พันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ มีรายงานว่าจะเกษียณอายุราชการในปี 2568 ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เจ้าตัวเป็นคนขยันทำงาน และมักเข้าระงับเหตุสำคัญด้วยตัวเองมาโดยตลอด


สำหรับศพของพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ ในวันนี้เจ้าหน้าที่นิติเวชจะทำการชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ก่อนจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดยางสุทธาราม ในวันพรุ่งนี้


ในด้านของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว 6 ปาก ประกอบด้วยภรรยาผู้ก่อเหตุ และลูกของผู้ก่อเหตุอีก 5 คน พบว่าทั้งหมดอยู่ในอาการเครียด ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักสาเหตุการเสียชีวิตของเฮียตุ้งไปที่การจบชีวิตตัวเอง เนื่องจากเมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเลือดในที่เกิดเหตุแห้งแล้ว แต่ความชัดเจนต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานจากทางแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชต่อไป


จากนั้นทีมข่าวได้สอบถามกับ พันตำรวจโทมงคล สังข์เพิ่ม สารวัตรป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม ลูกน้องของพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ หรือ รองหรั่ง รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิต บอกว่า ตัวเองและรองหรั่ง ได้รับแจ้งเหตุแล้ว จึงเดินทางมาช่วย เมื่อมาถึงก็พยายามเข้าไปช่วยตัวประกัน และพอเห็นจังหวะที่รองหรั่งวิ่งนำลูกน้องจะเข้าไปชาร์จ ตัวเองก็จะรีบวิ่งตามเข้าไป แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ตัวประกันวิ่งสวนออกมา ทำให้เฮียตุ้งยิงรัวออกมา กระสุนจึงไปโดนรองหรั่ง วินาทีนั้นตัวเองรีบเอาโล่มากำบัง ก่อนช่วยกันลากร่างของรองหรั่งออกมาจากหน้าบ้าน และรีบเรียกรถพยาบาลทันที


เมื่อถามว่ารองหรั่งตอนนั้นมีสติหรือไม่ ยอมรับไม่ทราบจริง ๆ เพราะเหตุการณ์เร็วมาก และต้องการจะช่วยเหลือผู้บังคับบัญชาอย่างเดียว


พันตำรวจโทมงคล มองว่า คนร้ายตั้งใจยิงออกมาถึงทำให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองเสียชีวิต ในฐานะลูกน้อง เสียใจมาก ท่านรองเป็นคนดีมาก ๆ เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี ไม่พูดหยาบกับลูกน้อง ถามตำรวจคนไหนก็ได้ ก็จะบอกว่ารองหรั่งเป็นคนดีมากจริง ๆ ท่านรองจะลงพื้นที่ทุกเคส เมื่อถามว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียขวัญหรือไม่ ยืนยันว่าไม่เสียขวัญ เพราะตำรวจมีหน้าที่รับใช้ประชาชน


เมื่อถามถึงครอบครัวของรองหรั่งนั้น ท่านรองมีลูกชายเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจโท เป็นรองสารวัตร อยู่ที่ สภ.แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ขณะที่มีข้อมูลว่าเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว แม่ของรองหรั่งก็เพิ่งเสียชีวิตไป



รับชมผ่านยูทูป :  https://youtu.be/mkoHawDj6Ss

คุณอาจสนใจ

Related News