'ดร.สนธิ' วิเคราะห์ผลกระทบไฟไหม้โกดังระยอง แนะตรวจสุขภาพปชช.อย่างน้อย 3 ปี

"ดร.สนธิ" ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมไทย ชี้ การเผาไหม้และดับเพลิงสารเคมีอันตรายโกดังที่ระยอง ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพชาวบ้าน รวมถึงคุณภาพอากาศและพื้นที่เพาะปลูก ใครต้องรับผิดชอบ



ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมี ที่ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เกิดผลกระทบระยะยาว ใครจะดูแล? ใครจะตรวจสอบ?และใครจะเป็นผู้จ่ายเงินฟื้นฟูและเยียวยา? พร้อมตั้งข้อสังเกตเป็นข้อๆ



1.น้ำดับเพลิงที่ปนเปื้อนสารเคมี ที่จะลงสู่ดินและแหล่งน้ำโดยรอบ จะกระทบต่อการเพาะปลูกและที่ทำกินของเกษตรกรในระยะยาว



2.สารเคมีและไอโลหะหนักที่ลอยออกไปในอากาศ จะตกลง และปนเปื้อนสู่พื้นดิน แหล่งน้ำใกล้เคียงปนเปื้อน ในระบบห่วงโซ่อาหาร จนกลับมาเข้าสู่ร่างกายประชาชนต่อไป



3.สุขภาพของประชาชนที่สูดหายใจเอาสารเคมี และสารพิษเข้าไปจะสะสมอยู่ในร่างกาย จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว



4.โรงงานเก็บสะสมสารเคมีและกากอุตสาหกรรมมานานหลายปี ประชาชนร้องเรียน แต่หน่วยราชการจัดการไม่ได้ ได้แต่อายัดไว้เป็นของกลางและปล่อยทิ้งไว้ เพื่อรอการขนออกเพื่อไปกำจัด...กระบวนการที่ล่าช้า จนเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ คือ ความไม่ยุติธรรมสำหรับชุมชน ต่อไปความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบจะลดน้อยลง ศรัทธาจะเสื่อม



ทีมข่าวได้สอบถาม ดร.สนธิเพิ่มเติม ระบุว่า ชาวบ้านรอบโรงงานในรัศมี 5 กิโลเมตร ต้องตรวจเลือดและปัสสาวะ อย่างน้อยต่อเนื่อง 3 ปี เพราะเชื่อว่า เพลิงไหม้นานกว่า 20 ชั่วโมง ชาวบ้านได้รับผลกระทบต่อสุขภาพแน่นอน



อีกโพสต์ ดร.สนธิ ตั้งข้อสังเกตุถึง สารเคมีลุกติดไฟเอง เพราะอากาศร้อนหรือเกิดการวางเพลิง (อากาศร้อนสุดของประเทศไทยช่วงนี้ไม่เกิน43.5องศา)



ซึ่งสารเคมีที่สามารถติดไฟได้เอง ตามมาตรฐานของUS-OSHA จะลุกติดไฟได้เอง(Auto ignitio)โดยไม่มีประกายไฟ ที่อุณหภูมิเท่ากับหรือต่ำกว่า 54.4°Cเล็กน้อย ซึ่ง ดร.สนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุณหภูมิร้อนบ้านเราไม่ถึง 54 องศาฯ จึงไหม้เองไม่ได้

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/INM2f_p_BLo