สังคม

ญาติหลายครอบครัวปักใจเชื่อ 'แอม' เกี่ยวข้องการตายปริศนาทุกราย - ทนาย เตรียมหาหลักฐานสู้คดี

โดย parichat_p

25 เม.ย. 2566

130 views

ญาติหลายครอบครัวปักใจ เชื่อแอม เกี่ยวข้องการตายปริศนา ขณะที่เพื่อนคนตาย กล่าวหา แอมท้องกับแด้ ฝ่ายชายต้องตายเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก


วันนี้ รายการโหนกระแสได้ เชิญ แม่ และ พี่สาว ของก้อย ตลอดจน ญาติผู้เสียชีวิต มาออกรายการ ซึ่งจากการตายปริศนาของ ก้อย ทำให้หลายครอบครัว ปักใจเชื่อว่า แอม อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะก่อนการเสียชีวิต อย่าง น้อย 7 ราย ทุกรายได้มีการพบกับแอม และ เสียชีวิตฉับพลัน ในลักษณะ เป็นลม หมดสติ เล็บดำ คล้ายกัน


ส้ม พี่สาว ติดต่อน้องไม่ได้ น้องที่ยืมรถเพื่อนไป เขาบอกว่า จะไปหาคุณแอม เลยโทรหาแอม ว่าน้องเราอยู่กับแอมมั้ย เขาบอกว่าไม่ได้อยู่ อยู่อยุธยา เลยวางหู พยายามติดต่อน้อง จนกระทั้ง 2 โมงเย็น เลยโพสต์หาน้อง เพื่อนในเฟซส่งรูป มาให้เราดู ที่โพสต์หาญาติ เราดูรูปเราก็ตกใจ เราก็ส่งรูปไปให้คุณแอม ว่าน้องเราเสียแล้ว แอมพิมพ์มาว่าเฮ้ย จริงเหรอ จริงป่าว


จากนั้น ได้โทรสอบถาม เขาบอกว่าศพน้องอยู่ที่ สภ.บ้านโป่ง จึงไป ไปสอบถามร้อยเวร เลยขอกล้องวงจรปิดจุดที่เกิดเหตุ ครั้งแรกที่เห็นในกล้อง เราจำไม่ได้ ไม่ปักใจว่าเป็น แอม มาสรุป เย็นวันที่ 16 แอมสนิททั้งกับ ส้ม และ ก้อย 14-15-16 แอมโทรหาตลอด เราไม่เคยคิดว่าเขาจะเกี่ยวอะไรเลย หลังจากที่เจอรถเราก็ไม่คุยแล้ว สภาพศพน้อง คางเขียวช้ำ เล็บ ดำ เราปักใจเชื่อว่าน้องเราโดนวางยา


รพี ชำนาญเรือ ผู้ให้การช่วยเหลือ – เย็นวันที่ 16 เราได้พบรถยาริส(สีขาว) ของน้องก้อยขับออกจากบ้าน แล้วสับเปลี่ยนรถกับแอมที่มารับออกไป พอรู้ว่าจอดหน้าบ้านข้าราชการตำรวจกาญจบุรี มีคนให้ข้อมูลว่า ตรงนี้รู้จักแอม / เราเลยโทรหาคนชื่อแอมว่าได้มารับก้อยไปไหม ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้มารับ พอตอนหลังมายอมรับ ตำรวจจึงเรียกคนชื่อแอม เข้าไปสอบสวน และ ยึดรถแอม (วีออส สีบรอนซ์ ) มาตรวจสอบ (ซึ่งเป็นคันที่แอมพาก้อยขับไปทำบุญปล่อยปลา ) ระหว่างทาง ที่ขับรถมีการแวะซื้อเครื่องดื่ม ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครลงไปซื้อเครื่องดื่ม


ภายหลังแอมติดต่อมาหา เพราะรู้ว่าผมตามหารถอยู่ เขามายอมรับว่าคนที่มารับเป็นเขา ผมเลยบอกให้เขาเอา ทรัพย์สินของก้อย จะมีกระเป๋าแบรนด์เนม เงิน 4-5 หมื่นบาท โทรศัพท์ 2 เครื่องเอามาคืน แอมยังปฏิเสธ อ้างว่าขาไปเอาขึ้นรถไปจริง แต่อ้างว่าไปแวะข้างทาง ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนก้อย แล้วเอาไปฝากไว้ เขาบอกว่าทรัพย์สินตรงนี้ไม่มี แต่สุดท้ายเขายอมรับเอาไปแล้วทิ้ง สาเหตุที่เขาไม่อยู่ช่วยเหลือเพราะไม่อยากยุ่ง เพราะคนตายได้กำชับเอาไว้ว่า ไม่ให้บอกใครว่ามากับใคร และมาทำอะไร และ รถที่ขับไป(วีออส )อ้างว่าเป็นรถที่ไม่ถูกต้อง


ตอนที่ก้อยล้มลง แอมได้เดินไป ไปหยิบโทรศัพท์ของก้อยมา และ เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมของเขาเอาไว้ข้างก้อย แล้วขึ้นมา โทรศัพท์ของก้อยหายไป ญาติก็สงสัยว่าทำไมเอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมไว้กับศพ ผลชันสูตรเบื้องต้น รพ.ราชบุรี ระบุว่า ก้อย หัวใจวายเฉียบพลัน รพ.ได้เก็บชิ้นเนื้อ เลือด ของเหลวในกระเพาะ ไปส่งตรวจที่ รพ.ศิริราช และ รพ.ตำรวจ เพิ่งทราบจากข่าวว่ามีสารแปลกปลอม แต่ญาติยังไม่ได้เอกสารและข้อมูล


รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญวิทยา

-คนที่ได้รับสารฯ ชัดเจนว่าน่าจะได้รับสารพิษแล้ว ผิวสีชมพู แต่ ปาก ใบหน้า เล็บ จะดำ เขียวคล้ำ คนที่เข้าไปใกล้ จะ ได้กลิ่นเหมือนถั่วไหม้ ออกมา เห็นอย่างนี้รู้เลยว่าเป็นสารพิษ

-ในญี่ปปุ่น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยมีเหตุการณ์ ลักษณะนี้ หลอกให้รัก แล้วฆ่า ด้วยการวางยา 10 ราย สารพิษฯ เป็นผงสีขาว ปริมาณที่ทำให้เสียชีวิต คือ 1 มิลลิกรัม ต่อ 1 กิโลกรัม เช่น สาร 50 มิลลิกรัมใช้กับคน หนัก 50 กิโลกรัม ปริมาณ คือ เท่าปลายเล็บ ผสมใส่เครื่องดื่มก็ทำให้เสียชีวิตได้


ขณะที่ น้องซี (ลูกสาวกะณิกา ตุลาเดชารักษ์ ) เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ( 12 กันยายน 2565 )แม่มีการนัดแนะกับแอม ว่าจะไปทำบุญ แม่ออกไปแต่เช้ามืดเลย ประมาณ ตี 5 มาทราบเรื่องจากญาติแม่ที่นครปฐม เขารู้ข่าวว่าแม่ แป็น ลมที่ปั๊ม (ปตท. อ.โพธาราม) เขาโทรติดต่อมาหนูยังไม่รับสาย มารู้อีกที คือ 11.30 น. หนูโทรเข้าโทรศัพท์แม่ แอมรับสาย เขาบอกว่าน้าแอม เองไม่ใช่แม่ เขาบอกว่าแม่เป็นลมหมดสติ ตอนนี้อยู่ รพ. อาการหนัก ให้ทำใจดีๆ หนูกำลังจะรีบไปหาแม่ สักพักหนึ่งไม่ถึง 10 นาที มี รพ.ก็โทรมาว่า พยาบาลถามว่า เป็นญาติใช่มั้ย เขาถามว่ารู้เรื่องราวอะไรมาบ้าง


หนูรู้จากเพื่อนแม่ที่ไปด้วยกันแค่ว่าแม่เป็นลมหมดสติ อาการหนักมาก พยายาบาลบอวก่าแม่มาถึง รพ. ม่านตาไม่ตอบสนอง และ หยุดหายใจไปแล้ว ตรงนี้แอมไม่ได้เล่าให้ฟัง รพ.ระบุ ในใบมรณะบัตร ว่า เลือดออกในสมอง (ไม่ได้ผ่าชันสูตร ) แอมเพิ่งมาสนิทกับแม่ เขามาคุยหลังๆ 3-4 เดือน คุยบ่อยมาก คุยทุกวัน หนูสงสัยว่า ทำไมการตายของทุกคนคล้ายๆกัน ทุกคนตายในสถานการณ์ เหมือนกัน


บิ๊ก ( เพื่อน ของ บี สุรัตน์ 6 มค. 2564 เสียชีวิต ) พบศพตอน 6 โมงเย็นกว่าๆ ทำไมบ้านมืดไม่เปิดไฟ เสียชีวิตนอนตายที่ชักโครก ขณะกำลังนั่งถ่าย ตอนเช้า น้องข้างบ้าน เห็นว่า ฟอร์จูนสีขาวมา พี่บีไปข้างนอกกับเพื่อน กลับมาเที่ยงกว่า บ่าย เข้าบ้านไปไม่มีใครเห็น ที่รู้ว่า ไปกับแอม คือ เห็นภาพถ่ายคู่กันในโทรศัพท์ เขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน โทรกลับไปจะบอกว่า ไปเปิดเจอว่า มีการโอนเงินให้ สิ้นปี ต้นปี ไม่กี่วัน ไล่ลบแชทในเฟซบุ๊ก หลังจากที่บี เสียชีวิตแล้ว คนแถวบ้านที่เห็นศพพบว่า มือดำ ปลายเล็บดำ เท้า มือ เขาก็พูดกันว่า น่าจะโดนยา ญาติได้เอากาแฟแก้วสุดท้ายที่บีกินให้ตำรวจ ไม่แน่ใจว่าตำรวจตรวจหรือไม่ เล็บเท้า เล็บมือ เริ่มดำ สาเหตุเสียชีวิตแพทย์ระบุไว้ ว่าจาก โรคหัวใจตีบ


ทั้งนี้ คุณ รพี ได้เล่าถึงอีก กรณี คือ การเสียชีวิตของ แด้ (สุทธิศักดิ์ พูนขวัญ เสียชีวิต 12 มีนาคม 2566 ) ว่าตน ได้รับข้อมูลจากเพื่อนของแด้ ว่าแด้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแอม จากคำบอกเล่าไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ว่าที่ทางแอมท้อง อาจเป็นลูกของคนชื่อแด้ ผมมีหลักฐานบางอย่าง พยายนบุคคล ในวันที่เสียชีวิต แอม ใส่ชุดเหลือง จับมือศพ และ มีอีกหลายภาพ มองว่า แรงจูงใจ คือ ปิดปากเรื่องเด็กในท้อง


ทั้งนี้ ก่อนจบรายการโหนกระแส พี่หนุ่มได้ต่อสาย สัมภาษณ์ คุณ ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายของแอม โดยทนายของแอม ยืนยันว่าขณะที่แอมถูกจับ ไม่มีพกของกลาง ไว้กับตัว ขอแก้ข่าวด่วน นอกจากนี้ ทนายฯ ยังพูดถึงหลายๆครอบครัวมีญาติเสียชีวิตและสงสัยแอมว่า ต้องตรวจสอบว่า สาเหตุการเสียชีวิตจากใบมรณะของผู้ตายแต่ละคน ใบมรณะซึ่งเป็นที่ยุติ มีกรณีใดบ้างที่ มีสาเหตุว่าถูกทำให้ตายหรือไม่ เขาเผาไปแล้ว ยังไม่มีพิสูจน์เชิงลึก (หัวเราะ)


เมื่อ พี่หนุ่มกรรชัยถามทว่า แอม โครตซวยมากนะ ที่เจอใครแล้วตายแบบนี้ ซึ่งทนายสวนทันที ว่า อย่าเรียกว่า ซวยต้องใช้คำว่าโชคร้าย แต่เราต้องรู้ว่าตายเพราะอะไร แอมได้ใช้สิทธิ์ทางศาล ตอนนี้เขาตั้งท้อง เขาช่วยเพื่อน ไม่ใช่ไม่ช่วย แต่ไม่สามารถเดินได้ตัวปลิว เรามีหลักฐานหักล้างได้ ที่หยิบโทรศัพท์ไปซ่อมให้เพื่อน คนท้องจะ อั้นฉี่ อั้นถ่ายหนัก ไม่ได้ ห้องน้ำไกลมาก จึงดูลุกลี้ลุกลนเพราะหาห้องน้ำไม่เจอ ตอนที่ถือโทรศัพท์ก้อยขึ้นมา น้องเขายังปล่อยปลาอยู่เลย กล้องหายเป็นบางช่วง


ขณะที่ พี่ส้ม พี่สาวของก้อย กล่าวว่า แปลกผิดมนุษย์ ไม่ใช้เพื่อนเขายังช่วยเหลือกัน ที่ทนายบอกหยิบโทรศัพท์ผู้ตายไปซ่อม ทำไมมาสารภาพภายหลังว่า เอาไปทิ้งขยะ มันฟังไม่ขึ้น


ด้านทนายความ น.ส.แอม ชี้แจงยิบโต้ปม กรณีน.ส.ก้อยเสียชีวิตปริศนาขณะเดินทางไปปล่อยปลาริมแม่น้ำ ขณะที่ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับทนายธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของนางสาวแอม ให้ข้อมูลว่า ข่าวที่ออกมาค่อนข้างแรง หลังจากที่สอบข้อเท็จจริงกับลูกความแล้ว ก็ห้ามไม่ให้ลูกความให้ข้อมูล และให้เงียบไปก่อนเพื่อดูท่าที และให้ฟ้องต่อศาลเพื่อขอความเป็นธรรม


ส่วนที่ว่าว่า นางสาวแอม ได้ลงไปช่วยก้อยหรือไม่ ยืนยันว่า ได้ลงไปช่วย แต่นางสาวแอม ตั้งครรภ์อยู่ ทำให้เดินไม่ค่อยสะดวก และภาพกล้องวงจรปิดก็จะเห็นว่า เดินๆหยุดๆ แต่ก็ได้ลงไปด้านล่างด้วย และไปตามคนมาช่วยด้วย


ที่กล่าวหาว่านางสาวแอม โยนของทิ้งนั้นไม่จริง เพราะที่ถือไปในมือ คือดอกไม้และถังปลา ส่วนทรัพย์สินของนางสาวก้อยที่หายไป ขอให้เป็นรายละเอียดในสำนวนที่ให้การกับตำรวจไว้แล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำจริง และหลังจากนี้จะหาพยานมาต่อสู้คดีเพื่อหักล้างกับพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ


และการที่มีหลายเคสที่เริ่มออกมาตั้งข้อสังเกตการเสียชีวิต ว่านางสาวแอม มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ทนายความระบุว่า ก็ได้ถามลูกความด้วยเช่นกัน แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรมาก เพราะทนายความทำคดีที่เกี่ยวกับกรณีของนางสาวก้อย ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิของจำเลยที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ยอมรับว่าหลังเกิดกระแสข่าว ลูกความตนเครียด ความดันขึ้น


ส่วนที่ตอนแรกนางสาวแอม ให้ข้อมูลว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ตอนหลังยอมรับว่าอยู่กับนางสาวก้อยนั้น ทนายความยังไม่อยากพูดเพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมด้วยจึงไม่อยากให้เกิดความเสื่อมเสีย และจะเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียชีวิตด้วยจึงไม่ได้พูด


ทนายความยังชี้แจงอีกว่นางสาวแอม หย่ากับสามี ที่เป็นรองผู้กำกับ มาประมาณ 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2564 แต่ที่ยังเข้าไปที่บ้านพักก็เพราะมีลูกที่ต้องดูแลด้วยกัน หลังจากหย่ากับสามีที่เป็นตำรวจ ก็ได้ไปคบหากับ แด้ หรือ นายสุทธิศีกดิ์ พูนขวัญ ซึ่งเป็นชาวอุดรธานี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และต่อมา นายสุทธิศักดิ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2566 ระหว่างนั้น นางสาวแอม ก็ได้โทรศัพท์มาหาทนายความพอดี ทีมข่าวจึงได้ให้ทนายความถามนางสาวแอมว่า มีอะไรอยากจะบอกกับสื่อมวลชนหรือไม่


เจ้าตัวบอกกับสื่อมวลชน สั้นๆว่า "ขอยืนยันคำเดิมตามที่ทนายความบอกว่า ถ้าอยากได้ความเป็นธรรมเราต้องไปที่ศาลไม่ได้ไปหาสื่อ ตนเองโดนโจมตีเยอะมาก ตนเองเลยขอไปที่ศาลก็แล้วกัน" จากนั้นทนายความก็ถามว่า แล้วไปมาหรือยัง นางสาว อ. ตอบว่า "ไปมาเรียบร้อยแล้ว และไปที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนด้วย" แต่เมื่อถามว่า ความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างไร แอมก็วางสายไปแล้ว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/3DsqMiwtfGI

คุณอาจสนใจ

Related News