สังคม

อธ.กรมขนส่งฯ ขนคณะ แจง “กมธ.คมนาคม” พบถังก๊าซถังที่ 8 ที่เพิ่มเติมเองรั่ว ต้นตอไฟไหม้รถบัส

โดย gamonthip_s

5 ชั่วโมงที่แล้ว

284 views

วันที่ 3 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. วันนี้ มีวาระสำคัญในการหารือกรณีรถบัสนักเรียนจังหวัดอุทัยธานีไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทรกเข้ามาเร่งด่วน มีการเชิญนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะมาชี้แจงถึงสาเหตุรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต


นายครูมานิตย์ กล่าวเปิดประชุมว่า เรามีความจำเป็นต้องยกเลิกวาระประชุมอื่น และนำเรื่องนี้เข้าเป็นเรื่องด่วน เพราะ 20 กว่าศพนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก


จากนั้น นายจิรุตม์ กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์ข้อเท็จจริง ว่า วันเกิดเหตุตนเองได้ลงพื้นที่ไปหลังจากเพลิงสงบแล้ว และได้นำวิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตัวรถตั้งแต่เวลา 17.00 น.


นายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กล่าวว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิดปิดภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ และรถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว พื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ ยังพบว่าล้อรถไม่ได้ระเบิด ซึ่งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบว่าเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งอยู่ระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับกองพิสูจน์หลักฐานร่วมกันวิเคราะห์สรุปหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแถลงให้ทราบต่อไป


ต่อมา นายจิรุตม์ ได้เปิดเผยว่ากระทรวงคมนาคมได้มี 5 ข้อสั่งการ ได้แก่


1. สั่งการให้เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG มาตรวจสภาพภายใน 60 วัน จำนวน 13,426 คัน


2. ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ ซึ่งมีความหละหลวมมากกว่ารถโดยสารประจำทาง

3. ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือกรณีมีความจำเป็นต้องใช้รถนำนักเรียนหรือผู้สูงอายุนอกพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง

4. ออกกฎหมายเพิ่มเติมเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้มีพนักงานประจำรถ ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารในเหตุการณ์วิกฤต

5. ออกกฎหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเหมือนบนสายการบิน

กรรมาธิการ ได้ตั้งคำถาม ซึ่งนายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย และนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถ ที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา ได้เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน การตรวจสภาพรถเป็นการตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา รวมถึงการจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ได้มีการดัดแปลงสภาพไปมากเพียงใด

“ปี 2513 ผมยังไม่เกิดเลย มีอะไรคงเดิมบ้างในรถคันนี้ และเราต้องนับอายุของรถ จากเวลาใดกันแน่” นายพีระเดช กล่าว



ขณะที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวว่า มีการติดตั้งถังก๊าซเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้ 5 ถัง จากที่จดทะเบียนไว้ 6 ถังรวมเป็น 11 ถัง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการของกรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ เพื่อดูว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ


จากนั้น นายจิรุตม์ ได้ให้นายชีพอธิบายเหตุการณ์และข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถคันที่ประสบเหตุ ถังที่รั่วไหลเป็นถังหมายเลข 8  ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการตรวจสอบของวิศวกร ถังที่ได้รับการตรวจสอบ มีเพียงถังที่ 1-6 ซึ่งถังหมายเลข 8 เป็นถังที่อยู่นอกระบบ ซึ่งต้องเป็นการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจต่อไป


นายชีพ ยังกล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการบริษัทชินบุตร พบว่าใบผู้ประกอบการขนส่ง มีรถในกำกับดูแล 2 คัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคันที่ประสบอุบัติเหตุ เบื้องต้นทางกรมการขนส่งได้ระงับใบประกอบอนุญาต เพราะรถอีกคันก็ไม่สามารถใช้งานได้ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะมีลักษณะรถที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งขนส่งจังหวัดได้ออกคำสั่งให้เอารถมาตรวจ ที่จังหวัดลพบุรี เพราะมีเครื่องมือที่พร้อมกว่า ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเข้ามาตรวจประมาณ 14.00 -15.00 น.


ด้านนายจิรุตม์ กล่าวเสริมว่า คนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องถังก๊าซเกินจำนวน ประกอบด้วย 1.ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ เบื้องต้นได้มีการพักใช้ใบอนุญาตจนกว่าผลสอบสวนจะออก 2.คนขับรถ ให้พักใบอนุญาตจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ ถ้ามีความผิดก็เพิกถอนใบอนุญาต 3.วิศวกรผู้ตรวจสอบถังแก๊ส ระงับการดำเนินการทั้งหมด 4.บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) กรมได้ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และดึงตัวเข้ามาทำงานที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งผิดหรือไม่ผิดก็ต้องมาดูกัน โดยในบริษัทชินบุตร ทราบว่าเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน กับผู้ประกอบการ ก็ได้มีการเพิกถอนระงับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัยแล้ว เพราะมีความบกพร่องในหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดเหตุได้


อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน หากพบว่ามีความผิด ในเรื่องของคำสั่งปกครอง ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ในคดีอาญาก็ดำเนินการไปถ้าเจ้าหน้าที่มีความผิดกรมก็ดำเนินการทางวินัยต่อไป ส่วนของเอกชนก็จะต้องโดนทั้งแพ่งทางอาญา ส่วนโทษทางปกครองก็คือ ต้องถอนใบอนุญาตประกอบการ ถอนใบอนุญาตขับรถ ถอนใบรับรองการติดตั้งก๊าซ ถอนการเป็นผู้จัดการด้านความปลอดภัย


ช่วงหนึ่ง นายพีระเดช ทักท้วงว่า สิ่งที่ถามไปยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ถามว่ารถคันนี้จดทะเบียน 2 ครั้ง ต้องเริ่มนับตั้งแต่ปีไหน ทำให้นายชีพชี้แจงว่า รถจดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2513 และจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างจะยาวนาน ด้วยหลักเกณฑ์ที่รถยังสามารถใช้งานอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ 54 ปีนั้น เพราะในระหว่างนี้ได้มีการจดทะเบียนเป็นรถประเภทอื่นๆ ไว้ และเมื่อดัดแปลงคลัสซีถือเป็นตัวหลักของรถ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของคน เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ตัวถังผุกร่อนไม่สามารถใช้งานได้ เจ้าของก็จะไปแจ้งเปลี่ยนแปลงโดยนำรถคันดังกล่าวไปที่อู่ต่อรถ หรืออู่ปรับปรุงรถ สิ่งที่ยังคงอยู่คือโครงคลัสซีรถ และนำเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าใส่เข้าไป เปลี่ยนตัวถังเปลี่ยนเก้าอี้และติดตั้งอุปกรณ์ปรับอากาศ หากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว เจ้าของรถก็จะให้วิศวกรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงเพื่อจะนำมาตรวจสภาพและจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ ส่วนประตูฉุกเฉินได้มีการให้ตรวจรถสาธารณะปีละ 2 ครั้ง


นอกจากนี้ นายชัชวาล ยังได้ท้วงด้วยว่า อธิบดีและคณะยังตอบคำถามไม่ครบ พร้อมเน้นย้ำคำถามเรื่องการตรวจทิพย์ว่าได้ตรวจจริงหรือไม่ ตำแหน่งที่ติดถังก๊าซก็อยู่ในห้องโดยสารที่มีแค่ผนังกั้นไว้ พอก๊าซรั่วก็จะลอยขึ้นสูง ได้มาตรฐานหรือไม่ และรถลักษณะนี้ในบริษัทมีอีกกี่คัน



นายจิรุตม์ กล่าวตอบว่า เรื่องการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซ สามารถยืนยันโดยระบบได้ แต่ยืนยันในตัวบุคคลไม่ได้ เพราะก็เพิ่งสั่งย้ายไป 2 คน และยืนยันว่าหากมีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และนอกจากรถคันที่เกิดเหตุแล้ว ก็มีอีก 1 คันที่มีการติดตั้งถังก๊าซแบบเดียวกันนี้



อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุม กมธ.ได้รุมซักถามอธิบดีและคณะ โดยเฉพาะนายชัชวาลและนายพีระเดช จนนายครูมานิตย์ได้พยายามรวบรัดการซักถามของ กมธ. ที่หากลงรายละเอียดมากไป อาจจะไม่สะดวกสำหรับกรมการขนส่งที่มาตอบทั้งหมด พร้อมเสนอให้รอการชี้แจงของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และเห็นใจอธิบดีที่ต้องรับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีตลอดเวลา ขณะที่ นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ. ได้ช่วยกรมการขนส่งทางบกชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพรถ โดยอ้างว่าตนเองเคยนำรถไปซ่อมกับญาติหลายครั้ง จึงพอมีประสบการณ์


“จากที่เห็นเป็นถังก๊าซ CNG ขนาดใหญ่ ต่อให้บรรจุก๊าซเต็ม โยนลงกองไฟ ยังไม่ระเบิดเลย ถ้าไม่มีก๊าซรั่ว แต่ในส่วนที่เกิดประกายไฟขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนไหน แต่ก๊าซ CNG มีลักษณะติดไฟยาก” นายเชิงชาย กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ไฟไหม้รถบัส

คุณอาจสนใจ

Related News