สับขาหลอก เจ้าของรถบัส เอารถ 5 คันไปโคราช ถอดถังแก๊ส หนีตรวจสอบ

เจ้าของรถบัสชินบุตรทัวร์ หลอกเจ้าหน้าที่ หลังแจ้งจะนำรถเข้าตรวจสภาพที่ลพบุรีช่วง สุดท้ายเช็ค GPS ทั้ง 5 คัน ไปโผล่อยู่โคราช ล่าสุดตำรวจตามอายัดมาตรวจสอบแล้ว

นางอัจฉรา นิสัยสัตย์ ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี และรักษาการขนส่งจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกเจ้าของบริษัทชินบุตรทัวร์ นำรถบัสที่จดทะเบียนชื่อ ปาณิสรา อีก 1 คัน และรถทัวร์ของบริษัทอีก 4 คัน มาตรวจสภาพรถโดยด่วน ที่ขนส่งจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีเครื่องมือพร้อม แต่ผู้ประกอบการแจ้งว่า จะนำรถที่จดทะเบียนชื่อ ปาณิสรา เข้าตรวจก่อน แต่ะรถเสียขอนำเข้าไปตรวจสภาพในช่วงบ่าย ไม่เกินบ่าย 2 โมง ส่วนอีก 4 คัน จะนำมาให้ตรวจไม่เกินวันจันทร์ และหลังจากนี้จะเลิกกิจการทั้งหมด และยินดีจะจ่ายค่าเยียวยาให้กับผู้สูญเสีย

นอกจากนี้ยังยืนยันว่า การทำงานของขนส่งสิงห์บุรี ไม่มีขบวนการตรวจรถทิพย์ ซึ่งรถบัสคันที่เกิดเหตุไฟไหม้ ที่ตรวจเจอถังแก๊สในรถรวม 11 ถัง ตนได้สอบถามนายช่างที่ตรวจสอบรถคันดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่า การตรวจสอบสภาพรถล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 พบถังแก๊สเพียง 6 ถัง ตามที่จดแจ้งไว้จริง ๆ คาดว่า หลังนำรถมาตรวจสอบแล้ว บริษัทไปติดถังแก๊สเพิ่มหรือไม่

ต่อมาช่วงบ่าย 2 โมงครึ่ง นางอัจฉราได้รับแจ้งว่า รถบัสที่จดทะเบียนในชื่อ ปาณิสรา รวมถึงอีก 4 คัน ที่จดทะเบียนชื่อของเครือญาติ นามสกุล ชินบุตร ไม่ยอมเข้ามาตรวจสภาพที่ขนส่งลพบุรีแล้ว โดยมีการตรวจสัญญาณ GPS พบว่า ไปโผล่ในอู่แห่งหนึ่ง ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 5 คัน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ขนส่งและตำรวจ เข้าไปอายัด พร้อมนำไปตรวจสภาพที่ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ส่วนเจตนาที่ผู้ประกอบนำรถหนีไป ตนเองไม่ทราบ

ขณะที่พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุของรถบัสนักเรียนไฟไหม้ว่าขณะนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบรถบัสที่เกิดไฟไหม้เพิ่มเติมทั้งระบบแก๊ส ระบบเบรก และการเดินรถ เพื่อความรอบคอบและรายละเอียดของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ แต่เบื้องต้น เกิดการรั่วไหลของแก๊สบริเวณส่วนหน้าของรถ ส่วนอะไรเป็นตัวที่ทำให้เกิดประกายไฟจนลุกลาม รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหล ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แต่มีข้อสันนิษฐานอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ควบของรถ หรือความเสื่อมสภาพของท่อต่อแก๊สต่างๆ ยังต้องรอการตรวจสอบ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้ครั้งนี้มีแก๊สเข้าไปเป็นเชื้อเพลิงในการลุกไหม้ของรถอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊สมาให้ข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ พฐ.และทำการตรวจสอบในเชิงลึกโดยยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ ว่าอะไรเป็นชนวนให้เกิดประกายไฟลุกลามขึ้นมา เพื่อสรุปให้กับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน ส่วนที่มีการติดตั้งแก๊สเกิดจำนวนกว่าที่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นหลักฐานชัดเจนที่มีการกระทำความผิด

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ที่ชัดเจนตามคลิปวิดีโอคือเกิดเพลิงขึ้นมาช่วงด้านล่าง ซึ่งพบว่าด้านล่างมีท่อแก๊สอยู่และมีแก๊สรั่วไหล ส่วนประกายไฟและแก๊สที่รั่วไหลเกิดจากอะไรจากการประชุมสรุปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อ ให้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊สมาให้ความเห็น จากนั้นจะมีการประชุมโดยละเอียดซึ่งยังมีข้อสงสัยที่ซักถามกันอยู่ ทั้งนี้มีความชัดเจนว่าเกิดการรั่วไหลของระบบแก๊ส ทำให้แก๊สที่รั่วออกมาเป็นเชื้อเพลิง แต่ไฟที่ติดขึ้นมาแล้วทำให้แก๊สที่รั่วไหลเกิดการลุกไหม้ขึ้นมาจนลามทั้งตัวรถ ยังต้องหาสาเหตุโดยละเอียดก่อน

สำหรับรถบัสคันนี้ได้รับอนุญาตให้มีการติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีจำนวน 6 ลูก แต่รถคันนี้เกินมา 5 ลูก ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสงสัยไว้อยู่ 2 สาเหตุ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันก่อนว่าอะไรเป็นตัวจุดประกายไฟทำให้เชื้อเพลิงแก๊สที่รั่วออกมาติดไฟและลามไหม้ตัวรถ ยังมีอีกหลายชิ้นส่วนที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงเชิงลึก หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบแก๊ส ผู้เชี่ยวชาญระบบช่วงล่างรถทั้งหมดของกรมการขนส่งทางบก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ข้อสันนิษฐานไว้แล้วแต่จะต้องตรวจเพื่อพิสูจน์ยืนยันตามสมมติฐานและหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนชิ้นส่วนไหนจะหลุดตรงไหนอย่างไรขอให้ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดให้เสร็จสิ้นก่อน แต่เป็นไปตามคลิปข่าวที่อยู่บริเวณช่วงด้านหน้ารถ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานมีหน้าที่ที่จะต้อง พิสูจน์ตามหลักการวิทยาศาสตร์ จะต้องทำการตรวจพิสูจน์ให้ละเอียดเพื่อที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเกิดไฟขึ้นมาหลังแก๊สรั่วไหลออกจากรถคันนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ที่ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งเป็นการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และหาความเร็วรถขณะเกิดเหตุ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6AuGmB-PFp0