สังคม

ศาลสั่งจำคุก “สีกาตอง” กับพี่ชาย รอลงอาญา 2 ปี คดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ “อดีตพระกาโตะ”

โดย thanaporn_s

17 ก.ค. 2567

319 views

วันที่ 17ก.ค. 2567 ที่ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีกรรโชกทรัพย์ โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยทั้งสองสรุปความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 เม.ย.65 - 21 เม.ย.65 จำเลยที่ 1 ได้บังอาจขืนใจนายพงศกร หรืออดีตพระกาโตะ ผู้เสียหาย โดยพูดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายมอบเงินสด จำนวน 180,600บาท ให้จำเลยที่ 1 มิฉะนั้นจะเปิดเผยคลิปสนทนาเชิงชู้สาว และภาพถ่ายข้อความเชิงสนทนาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้สื่อมวลชน

ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหาย โดยขณะนั้นกำลังบวชเป็นพระภิกษุ เป็นพระนักเทศน์ชื่อดังมีประชาชนให้ความเคารพนับถือ จะทำให้ต้องถูกปลด หรือสึกจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และเสื่อมเสียชื่อเสียงผู้เสียหาย จึงยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 1 หลายครั้ง รวม 180,600 บาท

คำฟ้องระบุอีกว่า นอกจากนี้จำเลยทั้งสองได้พูดขู่เข็ญกับผู้เสียหายอีกว่า จำเลยที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยที่ 1 รู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ และเชิงชู้สาวระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 หากผู้เสียหายยินยอมจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาท จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องสาวยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะให้น้องสาวเก็บตัวอยู่เงียบๆ ไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีก จึงได้ยอมมอบเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่จำเลยที่ 1 ไป

เหตุเกิดที่ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยทั้งสองได้รับการประกันตัว โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธ แต่ภายหลังให้การรับสารภาพต่อศาลโดยผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3 หมื่นบาท โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 2 หมื่นบาท จำเลยที่ 2  ชดใช้เงิน 1 หมื่นบาท โดยผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสองอีก

ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจประวัติการศึกษา สภาพครอบครัวฯ ของจำเลยทั้งสอง แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้พิจารณาประกอบคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงพิพากษาจำคุก  2 ปี ปรับ 3 หมื่นบาท  ส่วนจำเลยที่ 1 พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท พิเคราะห์ รายงานการสืบเสาะฯ เห็นว่าจำเลยทั้งสอง ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยทั้งสองได้เยียวยาค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนดคนละ 2 ปี

จากนั้นนางสาววีรินทร์ชิตา ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ที่ผ่านมามีการไกล่เกลี่ยกันไปแล้วบางส่วน มีการจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ไปกับโจทก์ร่วมแล้ว และก็ได้พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจต่อกันทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาจะเป็นการพูดคุยกันผ่านบุคคลอื่นไม่ได้พูดคุยกันจริงๆ แต่พอได้พูดคุยกันใหม่ก็เข้าใจต่อกันดี ทั้งฝั่งโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วเพราะมี ได้ถอนฟ้องในมาตรา 309 วรรค 1 "ข่มขืนใจโดยทำให้กลัว" ไปแล้ว


ซึ่งถือว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ทางศาลก็ได้ตัดสินไปแล้ว และเมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยอย่างอื่นนอกเหนือทางคดีหรือไม่ ทางนางสาววีรินทร์ชิตา ก็บอกว่าไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยหลังจากปรับความเข้าใจกัน และตอนนี้ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตใหม่กันแล้ว อยากให้ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของกันและกันและเธอสัญญาว่าจะไม่กระทำความผิดใดใดอีก พร้อมขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา และทนายความ ครอบครัว รวมถึงทุกคนที่ให้กำลังใจ จากนี้เธอขอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ แต่ยืนยันจะมาตามนัดที่ศาลพิพากษาให้คุมประพฤติ

คุณอาจสนใจ

Related News