สังคม

สาวแจ้งความอ้างถูกตำรวจชุดค้นบ้านทำให้แท้งลูก ผู้การฯสมุทรปราการ สั่งตั้งกรรมการสอบ ยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

18 พ.ค. 2567

324 views

วันที่ 17 พ.ค. 67 น.ส.อรนี อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาพร้อมกับ นายปริพนธ์ หงส์ไพบูลย์กุล ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.สมุทรปราการ หลังจากนำกำลังกว่า 10 นายเข้าตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงลงมือตรวจภายใน ใช้นิ้วมือสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ เป็นเหตุให้แท้งลูกในครรภ์อายุประมาณ 2 เดือน





น.ส.อรนี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุแฟนตนโทรบอกให้ลงมาเปิดประตู ตำรวจนำหมายศาลเข้าขอตรวจค้นบ้าน เมื่อเปิดประตูให้ ตอนนั้นอยู่คนเดียว ตนจึงขอใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปขณะตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตและตำรวจได้เก็บโทรศัพท์ของตนไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงขอตรวจภายใน โดยใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศของตน จนมีเลือดติดนิ้วออกมา เจ้าหน้าที่ผู้หญิงถามว่ามีประจำเดือนหรือ ตนตอบว่าไม่มีเพราะตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งสามีก็บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วว่าตนตั้งครรภ์





จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาขึ้นไปตรวจค้นที่ห้องนอนประมาณ 20 นาที ระหว่างที่ตรวจค้นตนปวดท้องมาก เลยขอเข้าห้องน้ำ พอเข้าไปนั่งในห้องน้ำก็รู้สึกหน่วงท้องมาก จนมีก้อนเลือดหลุดออกมา จากนั้นตนก็รีบออกมาดูเจ้าหน้าที่ตรวจค้นต่อ เพราะเป็นกังวลเนื่องจากอยู่คนเดียว ตรวจค้นเสร็จเจ้าหน้าที่ก็นำตนขึ้นรถพาไปที่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังจากตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของตน พบว่ามีการเล่นแชร์ เจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาตน เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะคือเป็นนายแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง, มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน” และยึดโทรศัพท์มือถือกับไอแพดไป พร้อมนำตนส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ แจ้งความดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา ตนจึงขอใช้โทรศัพท์บอกเพื่อนให้มายื่นขอประกันตัว จากนั้นเวลา 21.28 น. ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่รพ.สำโรง ซึ่งใบรับรองแพทย์ ระบุว่า พบภาวะแท้งคุกคาม ตนจึงนำเรื่องปรึกษาทนายความ และเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุม




ส่วน นายปริพนธ์ หงส์ไพบูลย์กุล ทนายความ กล่าวว่า ที่เข้ามาทำคดีให้เนื่องจากน้องเขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุกคาม ทำให้เสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นผู้กระทำความผิด ทั้งที่ไม่ใช่ ตอนนี้ยังให้ข้อมูลอะไรไม่ได้มาก ขอเข้าแจ้งความและคุยกับพนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ ก่อน




ด้าน พ.ต.อ.ชัยรัชต์ รุ่งเรื่อง ผกก.สภ.บางบ่อ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ เข้าตรวจค้น ได้แจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทราบ มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และพนักงานสอบสวน ก็อนุญาตให้ประกันตัวออกไป ซึ่งวันนี้ผู้เสียหายมาที่โรงพักพร้อมกับทนายความ เนื่องจากไปตรวจร่างกายที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แล้วพบว่ามีภาวะแท้งคุกคาม ซึ่งก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด คงต้องขอให้ทำการตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลของภาครัฐอีกครั้ง ส่วนเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงไปล้วงอวัยวะเพศนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเป็นขั้นตอนของการตรวจค้นยาเสพติด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย วันนี้พนักงานสอบสวน สภ.บางบ่อ ได้รับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องค้นบ้านเพราะสาเหตุอะไรนั้น ขอตรวจสอบก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นไม่ใช่ของสภ.บางบ่อ แต่เป็นชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสมุทรปราการ ตอนนี้จึงยังไม่ทราบข้อมูลอะไรมาก





จากข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า น.ส.อรนี ผู้เสียหาย เคยมีประวัติพัวพันกับผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ซึ่งถูกจับกุมดำเนินดดีอยู่ในเรือนจำไปก่อนหน้านี้ และยังมาอยู่กินกับสามีคนปัจจุบันชื่อนายแสงระวี อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระประแดง ที่ จ.27/2567 ลง 15 พฤษภาคม 2567 ข้อกล่าวหา ”สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ฟอกเงิน” ซึ่งจับกุมตัวได้ที่บริเวณวัดหงส์ทอง ต.สองคลอง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค.2567 และนำตัวพาไปตรวจค้นขยายผลต่อที่บ้านพักซึ่งมี น.ส.อรนี เป็นผู้เช่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว




ขณะที่ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ทราบเรื่องได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยินดีให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.สมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักมาตรฐานสากล พร้อมนำคลิปวิดีโอในขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้าค้นบ้านพักของหญิงคนดังกล่าว ซึ่งจากคลิปการตรวจค้นและคลิปกล้องวงจรปิดในกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ จะเห็นว่าไม่มีการกระทำเกินกว่าเหตุหรือกระทำการใดที่จะทำให้ถึงกับต้องแท้งบุตรตามที่ถูกกล่าวอ้าง

คุณอาจสนใจ

Related News