สุดช้ำ! ลูกสาวแอบเอาที่ดิน-บ้านพ่อแม่ไปขาย รู้อีกทีเจ้าของใหม่โผล่

น้องสาวสุดช้ำ! ระบายความในใจลงเฟซบุ๊ก หลังพี่สาวแท้ ๆ หลอกให้พ่อกับแม่โอนที่ดินให้ อ้างว่าจะเอาไปเข้าธนาคารกู้เงินมาสร้างบ้าน สุดท้ายไม่ได้สร้าง แต่กลับมารู้ทีหลังว่าพี่สาวนำโฉนดที่ดินไปขายพร้อมบ้านตีเนียนแอบจ่ายค่าเช่ากับเจ้าของใหม่ให้พ่อแม่อยู่ โป๊ะแตกเจ้าของที่ดินคนใหม่มาคุยยื่นข้อเสนอให้ซื้อบ้านคืนสู้ราคาไม่ไหวไม่ขอซื้อคืน ขนของออกถูกแจ้งความลักทรัพย์ ร้องดำรงค์ธรรมช่วยไกล่เกลี่ย อยากเตือนไว้ให้เป็นอุทาหรณ์

โดยเฟซบุ๊กเจ้าของเรื่องราวได้เล่าว่า คนที่เราไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด คำนี้มันมีจริง ๆ นะ อยากได้ความเป็นธรรมที่สุดในตอนนี้เพราะความรัก ความไว้ใจของพ่อที่โอนที่ดินให้คพี่สาว เพราะบอกจะเอาเข้าธนาคารมาสร้างบ้านให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้าง แต่ยังเก็บโฉนดไว้กับตัวเอง จนพ่อกับแม่เขามาสร้างของเขาเอง แล้วยังไปขายของเขาอีก โดยที่ไม่บอกสักคำ แอบขายบ้านไปตั้งแต่เมษายน 66 และเช่าบ้านหลังนี้ให้พ่อแม่อยู่ ขายบ้านไม่พอยังทิ้งลูกตัวเองไว้ให้พ่อแม่เลี้ยงให้อีก 2 คน แถมติดต่อไม่ได้เลย
ที่บ้านคงไม่มีทางได้รู้ถ้าเจ้าหนี้ไม่มาตามที่บ้าน เพราะติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ ทางเจ้าหนี้จะขายคืนให้แต่ก็ยังตกลงราคากันไม่ลงตัว จนพ่อกับแม่ตัดใจไม่อยากได้คืนแล้ว ชวนกันเก็บของออกจากบ้าน ไปขออาศัยอยู่บ้านญาติ

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางสาวนัฏฐกานต์ หรือ นัท อายุ 28 ปี เจ้าของเรื่องราวดังกล่าว โดยเจ้าตัวบอกว่าเรื่องดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้โพสต์อะไรลงไป เพราะทุกคนพยายามสู้กันอยู่เงียบ ๆ แต่ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจกับหลาย ๆ คน ว่าจริง ๆ แล้วคนที่อยู่ใกล้ตัวเราจริง ๆแล้วก็ไว้ใจใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งคนในครอบครัว มาสร้างปัญหาให้กับครอบครัวแล้วก็ไม่มารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้เลย ทำให้เราต้องมาเดือดร้อน

ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องพี่สาวไม่เคยติดต่อมาเลย ติดต่อไปก็ไม่ได้ อยากจะให้พี่สาวออกมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำไว้ ตอนนี้ทำให้ทุกคนในครอบครัวเดือดร้อน ส่วนบ้านหลังนี้ไม่อยากได้คืนแล้ว อยากให้ทุกอย่างจบมากกว่า อยากได้ความสงบสุขในชีวิตกลับมาคืนมากกว่าการต้องมาตามแก้ปัญหาให้ตลอด

ขณะที่นายแดง อายุ 66 ปี ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่าหลังจากเกิดเรื่องไป ตอนนี้ก็คลายความกังวล คลายความเครียดลงมาได้บ้าง เพราะมีลูกสาวอีกคนมาคอยจัดการทุกอย่างให้ คอยมาพูดคุยให้คำแนะนำ และปลอบใจ ยอมรับเลยว่าช่วงแรก ๆ ตนกับภรรยา อยู่อย่างกังวล และหวาดระแวงกันว่าใครคนใดคนหนึ่งจะคิดสั้นหรือไม่ ส่วนบ้านนี้ไม่อยากได้แล้ว บ้านหลังนี้มันไม่ใช่ความสุขของเราไปแล้ว กับลูกสาวคนโตที่ก่อเรื่องไว้ ตนไม่รู้จะพูดยังไง คงไม่ใช่คนแล้ว จิตใจไม่มีความเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยเขาไปหลงไปติดอบายมุขหรืออะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ น่าจะมาปรับทุกข์มาคุยหาทางแก้ไขกันตั้งแต่แรก นี่ไม่เอาอะไรเลย มาทำกันแบบนี้ได้ ทั้งนี้ทางครอบครัวอยากให้ปัญหาทุกอย่างจบลงโดยเร็ว โดยจะมีการนักเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อร่วมกันหาทางออกและข้อยุติต่อไป