ชายวัย 50 แค้นใจ เล่าทั้งน้ำตา ถูกตำรวจจับยัดข้อหา รีดเงิน 5 หมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิบูล อายุ 50 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม หลังคับแค้นใจที่ถูกตำรวจบุกเข้ามาในบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น แล้วถามหาอาวุธปืนลูกซองยาว ในกระสอบปุ๋ยที่วางอยู่บนบ้าน ก่อนควบคุมตัวพร้อมอาวุธปืนมาสอบสวนที่ สภ.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดยตั้งข้อหามีอาวุธปืนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยขณะบันทึกสำนวนนานกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พยายามคุยเรื่องเงินเพื่อที่จะให้เคลียร์โดยไม่ต้องดำเนินคดี จำนวนเงิน 50,000 บาท ก่อนต่อรองเหลือ 3 หมื่นบาท แต่นายพิบูล ไม่มีเงินให้ ต่อมาได้ลดเหลือ 20,000 บาท จึงได้ติดต่อภรรยาให้ไปหยิบยืมเงินจากแม่ยาย เพื่อนำมาจ่ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ก่อนภรรยาและลูก ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม เอามาให้ตนเอง นำไปวางบนโต๊ะทำงานตำรวจในห้องสอบสวน จำนวนเงิน 20,000 บาท ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัวกลับบ้าน

นายพิบูล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 ธันวาคม 66 ที่ผ่านมา ได้มี นายชีเกมส์ อายุราว 30 ปี ที่รู้จักกันในไซต์งานก่อสร้าง ขับรถจักรยานยนต์มาจอดพร้อมด้วยกระสอบปุ๋ยใบหนึ่ง ข้างในใส่อาวุธปืนลูกซองยาว เอามาให้ตนเองซ่อม โดยตนบอกว่าเป็นช่างทำบ้านและซ่อมอาวุธปืนไม่เป็น ให้เอากลับไป แต่ นายชีเกมส์ บอกว่า เดี๋ยวผมค่อยมาเอา เพราะนายหัว โทรให้รีบไปทำงาน และออกจากบ้านพักไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาไม่ถึงชั่วโมง ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ป่าบอน ขับรถมาจอดหน้าบ้าน ก่อนวิ่งมาล้อมบ้านและควบคุมตน โดยถามาปืนลูกซอง ตนก็บอกว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของนายชีเกมส์ นำมาไว้ไม่นาน แต่ตำรวจไม่ยอมฟัง ตนให้เบอร์โทรนายชีเกมส์กับตำรวจ เพื่อให้ติดต่อว่าปืนไม่ใช่ของตน ตำรวจโทรไปพูดคุย 2-3 คำ แล้ววางสาย ก่อนตั้งข้อหาตนเองมีอาวุธปืนครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งค้นบ้านทั้งที่ไม่มีหมายค้นและหมายจับ ซักถามตนเองว่ายาเสพติดอยู่ไหน ตนบอกว่าไม่มี เพราะตนเองไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดและของผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวขึ้นรถไปสอบปากคำที่ สภ.ป่าบอน โดยตนเองได้โทรบอกภรรยาว่า ตำรวจจับกุมตัวมา สภ.ป่าบอน ตั้งข้อหาอาวุธปืน ทั้งที่ไม่ใช่ของตนเอง แล้วบอกให้ภรรยาโทรหาพี่ชายที่นับถือ คือนายอรรถวุฒิ ให้ตามมาที่โรงพัก

โดยเมื่อถึงห้องสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหามีอาวุธปืนครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตนเองก็ปฏิเสธ เพราะไม่ใช่อาวุธปืนของตน แต่ชุดสืบสวน สภ.ป่าบอน พยายามพิมพ์ข้อหาและตั้งข้อกล่าว โดยมีตำรวจนายหนึ่งในห้อง บอกว่าหากกลัวถูกดำเนินคดี ก็ให้หาเงินมาจ่ายให้ตำรวจ 50,000 บาท เพื่อแลกอิสรภาพ แต่ตนไม่มีเงินจริงๆ จนเวลาช่วงเลยไป ตำรวจลดให้เหลือ 30,000 บาท ตนเกลี้ยกล่อมต่อรองเหลือ 20,000 บาท ตำรวจชุดสืบสวน จึงตกลง โดยตนโทรไปหาภรรยาว่าช่วยไปยืมเงินใครก็ได้เอามาให้ตำรวจ เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

นายพิบูล กล่าวทั้งน้ำตาว่า แค้นใจถูกกลั่นแกล้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กฎหมายหากิน หากภรรยาหาเงินไม่ได้ ป่านนี้คงเข้าเรือนจำไปแล้ว หรือไม่ก็ต้องหาเงินจ้างทนายสู้คดีอีก ทั้งๆที่ตนก็ไม่มีเงิน และเงินที่มีเพียงน้อยนิด ก็เตรียมเอาไว้จ่ายค่าเทอมลูกที่กำลังเรียน 2 คน คับแค้นใจมากกับผู้ถือกฎหมาย เอาเปรียบชาวบ้าน ทำนาบนหลังความทุกข์ของประชาชน จึงได้ติดต่อผู้สื่อข่าวของความเป็นธรรม อยากให้ตำรวจนอกรีตถูกดำเนินคดีบ้าง ไม่ใช่คอยแต่จะขูดรีดผู้บริสุทธิ์ โดยตนมีพยานหลักฐานที่เป็นตัวบุคคล พร้อมทั้งสลิบการถอนเงินที่ภรรยาและลูกสาวนำมาจ่ายให้ที่ ห้องสืบสวน สภ.ป่าบอน ตนเองตลอดชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามยัดเยียดความผิดให้ มันแค้นใจสุด