แม่ เผยนาที รถบรรทุกขวางรถพยาบาล ทำลูกวัย 10 เดือน ป่วยวิกฤตเสียชีวิต

คุณแม่ท่านหนึ่งโพสต์ Tiktok คลิปนาทีชีวิต เมื่อต้องส่งตัวลูกสาว ที่ป่วยย้ายโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน พร้อมระบุข้อความว่า "ต้องป่วยตรรกะไหนกัน เสียง ambulance ดังขนาดนี้ ขับขวางเกือบ10 โล  ในคลิป จะเห็นว่า รถบรรทุกได้ขับเลนชิดด้านขวา ขวางรถพยาบาล เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งเกิดเหตุช่วงก่อนขึ้น ทางพิเศษบูรพาวิถี ทำให้เด็กหญิงวัย 10 เดือน น้องเชอเน่ ซึ่งมีอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา  คุณแม่น้องเชอเน่ ได้ให้ข้อมูลว่า น้องมีโรคตับแข็งเป็นประจำตัวมาตั้งแต่กำเนิด อยู่ระหว่างรอคิวผ่าตัดเปลี่ยนตับ นานกว่า 5 เดือน โดยมีกำหนดผ่าตัด เมื่อวานนี้ (วันที่ 24 พ.ค.) แต่เกิดเหตุฉุกเฉินก่อน วันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา น้องมีอาการสำลักเลือด ตอนเวลาเกือบ 4 ทุ่ม จึงต้องนำส่งโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ซึ่งแพทย์วินิจฉัยให้รีบนำตัวน้องส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ ระหว่างทาง ในรถฉุกเฉินมีการผายปอด ปั้มหัวใจ เจาะคอ เจาะท้อง เพื่อยื้อชีวิตก่อนจะถึงมือแพทย์ ขณะนั้น รถพยาบาลไม่สามารถเปลี่ยนเลนได้ เพราะต้องมีการกู้ชีพอยู่ตลอดเวลา ในช่วงที่รถบรรทุกก็ขับขวางเลนขวาอยู่  ขณะที่รถฉุกเฉินก็บีบแตรตลอดเวลา ทั้งไฟ-เสียงไซเรนฉุกเฉินก็เปิดตลอด ส่วนรถคันอื่นๆก็ต่างพากันเลี่ยงให้ เหลือเพียงรถบรรทุกคันนี้ที่ยังเฉย ส่งผลต่อการนำส่งผู้ป่วยวิกฤตล่าช้าไปอีก

ตอนนั้น น้องความดันตก ชีพจรต่ำลง กระอักเลือดซ้ำอีกรอบ ซึ่งทีมแพทย์ฉุกเฉินในรถ บอกว่า เกิดจากรถที่เคลื่อนไหวไม่คงที่ เพราะพยายามแซงคันข้างหน้า ทำให้สายออกซิเจนที่ใส่ช่วยเหลือหลุด อาการจึงทรุดลง  ทำให้รถต้องจอดรถบนทางด่วนแบบฉุกเฉิน เพื่อปั้มหัวใจช่วยชีวิตเด็กบนทางด่วน ก่อนจะประสานไปยังโรงพยาบาลรวมชัยประชารักษ์ (ย่านบางบ่อ) ซึ่งใกล้ที่สุด เข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อกู้ชีพก่อน หวังว่า จะยื้อน้องให้ถึงมือคุณหมอที่ รพ.รามา แต่ปรากฏว่า สุดท้ายก็ไปไม่ถึง เสียชีวิต และได้จัดพิธีศพให้น้อง ลอยอังคารเรียบร้อย โดยได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความ สุดสะเทือนใจว่า "เราอยู่กันคนละโลกนะลูก คิดถึงชาวสวรรค์ คิดถึงชาวสวรรค์ มาไว้อาลัยให้หนูที"  อีกทั้งยังได้โพสต์ภาพและข้อความ ว่า "ที่จริงแล้ววันนี้ควรเป็นวันที่ลูกต้องเข้ารับผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากพ่อ ทำไมเทวดาถึงรีบพาลูกไปด้วย มันแค่อีกนิดเดียวเอง" 

ทีมข่าวไปสัมภาษณ์คุณแม่น้องเชอเน่ บอกว่า จนถึงขณะนี้คนขับรถบรรทุกยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ซึ่งถ้ารู้สึกผิด ก็อยากจะให้ออกมาขอโทษ พร้อมอยากฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ ขอให้น้องเป็นเคสสุดท้ายบนความเห็นแก่ตัวบนท้องถนน  ด้าน นาวาเอกนายแพทย์ พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง โฆษก สพฉ. กล่าวว่า จากที่ดูคลิป เบื้องต้น ผู้ขับรถบรรทุก อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 35 ในวรรคที่ 1 กำหนดว่า รถที่มีความเร็วช้ากว่ารถคันอื่น ต้องขับชิดทางด้านซ้าย ใกล้ขอบทาง และวรรคที่ 2 ข้อกำหนดของรถบรรทุก ในการขับขี่ให้รถบรรทุก ต้องขับชิดขอบทางด้านซ้าย  และมาตรา 76 รถพยาบาลหรือรถที่ได้รับอนุญาตให้มีไฟสัญญาณวับวาบ ให้ถือเป็นรถฉุกเฉินให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งข้อกฎหมายกำหนดให้ รถต่างๆที่ร่วมใช้ทางต้องหลบให้รถฉุกเฉิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ทันท่วงที ลดความสูญเสีย สำหรับเหตุการณ์นี้ญาติหรือผู้ที่ได้รับความสูญเสีย สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ที่ไม่หลบให้รถฉุกเฉินได้