สังคม

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งสัญญาณ 4G/5G ให้คนอยู่ ตปท. โทรหลอกคนไทย เดือนเดียวโทรได้ 20 ล้านครั้ง

โดย petchpawee_k

7 ก.ค. 2565

352 views

เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ตำรวจสืบสวนสอบอาญชากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กสทช.และตัวแทนจากบริษัท AIS เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจค้นในพื้นที่กรุงเทพฯ 9 จุด ในเขตเขตบางนา ห้วยขวาง และลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่โทรมาหลอกลวงประชาชน


โดยหนึ่งในจุดที่ตรวจค้น คือ แมนชั่นแห่งหนึ่ง ในซอยบางนาตราด 19 ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาเช่าห้องไว้ที่ชั้น 2 จำนวน 2 ห้อง ภายในเป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ พบเพียงอุปกรณ์เราต์เตอร์ สำหรับส่งสัญญาณ 4G/5G สำหรับใช้โทรศัพท์จำนวนมาก และพบผู้ต้องสงสัยอีก 4 คนอยู่ภายในห้องด้วย แต่ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติการใช้โทรศัพท์มือถือ เชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้


ซึ่งจากการตรวจค้นทั้ง 9 จุด สามารถจับกุมนายสุชาติ แซ่โจว ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น / และข้อหานำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งนายสุชาติ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล ได้รับค่าจ้างโดยโอนเงินมาจากต่างประเทศ เดือนละ 2 หมื่นบาท


นอกจากนี้ ยังสามารถยึดอุปกรณ์เราต์เตอร์ได้ 43 เครื่อง แต่ละเครื่องสามารถบรรจุซิมได้ 32 ซิม / โทรได้ซิมละ 500 ครั้งต่อวัน / ดังนั้น ใน 1 เดือน จะสามารถโทรได้ถึง 20 ล้านครั้ง คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรในประเทศไทย ที่จะถูกมิจฉาชีพโทรไปหลอกลวง ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบขยายผลต่อไป


พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นการจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในไทย โดยอาศัยความร่วมมือจากระบบ AIS Report Spam และร่วมกับ กสทช. ในการหาพิกัดของเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งวิธีการนี้ มิจฉาชีพจะส่งสัญญาณ 4G/5G โยนออกไปนอกประเทศ ให้คนที่เป็นคอลเซ็นเตอร์อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โทรมาคุยกับประชาชนในไทย โดยไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ในการโทรข้ามประเทศ


ซึ่งจะทำให้มิจฉาชีพสามารถใช้เบอร์ประเทศไทย โทรศัพท์มาได้ แม้คนที่โทรจะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากก่อนหน้านี้มิจฉาชีพใช้เบอร์ขึ้นต้นด้วย 697 โทรมา ทำให้คนเริ่มรู้ทันไม่รับสาย จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบเพิ่มว่า ทำไมถึงมีการนำเข้าเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้มาได้ และจะนำซิมโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้ทั้งหมด ไปตรวจสอบชื่อผู้จดทะเบียนต่อไป ซึ่งจะมีความผิดด้วย คล้ายกับบัญชีม้า


สำหรับเครือข่ายนี้ จากการสืบสวนพบว่า เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีหัวหน้าผู้บงการเป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้รู้สัญชาติแล้ว อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อจับกุม


ขณะที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า พฤติการณ์ของเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นี้ จะมาเช่าห้องและใช้อุปกรณ์คล้ายตัวจ่ายไฟ เป็นเราต์เตอร์สำหรับใส่ซิมและส่งสัญญาณออกไป ซึ่งเครื่องส่งสัญญาณตัวนี้ หากมีการนำเข้ามาใช้ จะต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และการลักลอบนำเข้ามา ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรด้วย


ด้านคุณสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง AIS พยายามสื่อสารให้ความรู้กับประชาชน ในการตรวจสอบแยกแยะสายโทรศัพท์ของมิจฉาชีพ แต่มิจฉาชีพเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ จึงเปิดศูนย์ 1185 Spam Report Center ขึ้น โดยทำงานใกล้ชิดกับตำรวจไซเบอร์ ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเบอร์โทรของมิจฉาชีพ ซึ่งมีประชาชนแจ้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทีมเทคโนโลยีจึงตรวจสอบหมายเลขที่ได้รับแจ้ง และส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจไซเบอร์และ กสทช. ขยายผล จนสามารถจับพิกัดของเครือข่ายที่เป็นแหล่งกำเนิดสัญญาณได้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5REspFnryjA

คุณอาจสนใจ

Related News