อาชญากรรม
จับตัวการแก๊ง Hybrid Scam ยึดเงินสด 80 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย
โดย attayuth_b
17 เม.ย. 2567
359 views
ตำรวจกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับอาชญากรข้ามโลก จับต่างชาติตัวการแก๊ง Hybrid Scam ตรวจยึดทรัพย์สินรวมกว่า 250 ล้าน
ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโลโลยี เข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ 4 จุดในปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก สามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้ หลังจากได้เบาะแสสำคัญว่า จะมีการลำเลียงขนย้ายเงินที่ได้จากการหลอกเหยื่อ ส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้นำกำลังตั้งจุดตรวจ จนพบรถเก๋ง ขับเข้ามาที่ด่านตรวจห้วยยะอุ อ.แม่สอด จ.ตาก จึงได้ทำการตรวจสอบก็พบ นายสุรัตน์ และนายกันต์นภนต์ อยู่ในรถพร้อมถุงผ้า 5 ใบ ภายในมีเงินสดรวม 80 ล้านบาท จึงได้คุมตัวไปสอบสวน โดยทั้งสองให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้ขนเงินจาก อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนที่จะนำเงินดังกล่าวออกนอกประเทศทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อไปยังเมียวดี ซึ่งได้ค่าจ้าง 5 พันบาท การกวดล้างครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย คือนายตงเจี้ยน สัญชาติ จีน อายุ 45 ปี ผู้รับผลประโยชน์ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่ นายเว่ย คิง เคก สัญชาติ สิงคโปร์ อายุ 41 ปี ผู้ทำหน้าที่จ้างวานเปิดบัญชีนิติบุคคล และบริหารจัดการทรัพย์สิน โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถ แห่งหนึ่งในพื้นที่ ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ นายวศิษฎ์ อายุ 31 ปี ทำหน้าที่ฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จับกุมได้ที่บริเวณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ส่วน น.ส.สิรภัทร อายุ 25 ปี เป็นเจ้าของบัญชีม้า จับกุมได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด
ทั้งหมดเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุนในแฟลตฟอร์มปลอม โดยสุ่มติดต่อหาเหยื่อผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วชักชวนพูดคุยให้เกิดความเชื่อว่าคนร้าย สอนการลงทุนเทรดคริปโตเคอเรนซีได้ผลกำไรจริง โดยผู้เสียหายในเคสนี้ถูกชักชวนให้โอนเงินไปยังบัญชีม้า ที่คนร้ายอ้างว่าเป็นบัญชีตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อโอนเข้าแอปเทรดเหรียญดิจิทัลปลอม
จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางของเงินนั้น ถูกนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินด้วยระบบการเงินใต้ดิน และพบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นกลุ่มชาวจีน และ ชาวจีนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้จ้างวานให้คนไทย จดทะเบียนบริษัทแล้ว นำไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อนำมาใช้รับเงินจากการกระทำความผิด แล้วนำเงิน ส่วนใหญ่ที่ได้มาเปลี่ยนสภาพไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และโอนต่อไปหลายลำดับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและสร้างความยุ่งยากในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานทางการเงินที่ไม่สัมพันธ์กับฐานะของเจ้าของบัญชีม้า และมีพยานหลักฐาน ที่บ่งชี้ถึงการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม และยังพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การพนันออนไลน์ หรือยาเสพติด ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระ โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันโดยทุจริต และ พรบ.คอมพิวเตอร์ รวมทั้ง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน
อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ยังได้อายัดบัญชีเงินฝาก ประมาณ 40 ล้านบาทเศษ อายัดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล ประมาณ 150 ล้านบาท อายัดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาทยึดรถยนต์หรู รวมมูลค่าทรัพย์สิน กว่า 252 ล้านบาท โดยสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เป็นเงินสด จำนวน 80 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งพบว่าเครือข่ายนี้ มีเงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอสังหาริมทรัพย์คอนโด หมู่บ้านหรู รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสดและของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,900 ล้านบาท ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด และ ป.ป.ง. ได้มีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ประมาณ 600 ล้านบาท และได้ลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนแล้ว