สังคม

คนขับแท็กซี่ ไม่รู้ตัวติดโควิด ตรวจ ATK 2 รอบเป็นลบ ไม่มีอาการ จู่ๆดับกะทันหัน เหลือภรรยาตกงาน ต้องเลี้ยงลูก 5 คน

11 ส.ค. 2564

1.1K views

เป็นเรื่องสะเทือนใจกับการสูญเสียเสาหลักของครอบครัว จากโควิด เมื่อวานนี้ทีมข่าวได้รับแจ้ง ขอความช่วยเหลือ ขออาหารแห้งข้าวสารและน้ำดื่มไปช่วยครอบครัวหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียสามีติดเชื้อโควิด


ทีมข่าวลงพื้นที่พบกับคุณตุ๊ก ภรรยาของคุณอำพล อายุ 40 ปี ซึ่งติดเชื้อโควิดเสียชีวิต คุณตุ๊กอาศัยในห้องเช่ากับลูกๆ 5 คน คนโตอายุ 16 ปี คนต่อมาเป็นฝาแฝด อายุ 15 ปี อายุ 10 ปี และ 9 ปี


คุณตุ๊กเล่าว่า ตัวเองทำงานเป็นพนักงานร้านสปา ตกงานจากพิษโควิดตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงมีเพียงคุณอำพล สามีคนเดียวที่เลี้ยงดูทั้งครอบครัว เป็นคนขับแท็กซี่ โดยไปเช่าจากอู่ที่รู้จักกัน ช่วงโควิดก็ไม่มีลูกค้า รายได้หักจากค่าเช่าเหลือวันละ 200-300 บาท พอได้ค่ากับข้าว แต่ละวัน


ช่วงโควิดระบาดรุนแรงมากขึ้น คุณตุ๊กก็บอกสามีว่า อย่าไปขับรถเลยอันตราย แต่สามีก็ต้องไปเพราะถ้าไม่ไปขับแท็กซี่ ก็ไม่มีรายได้


28 ก.ค. ญาติเห็นว่าสามีคุณตุ๊ก ขับแท๊กซี่เป็นกลุ่มเสี่ยง พบปะคนจำนวนมาก จึงนำที่ตรวจเชื้อแบบ ATK มาตรวจเชื้อให้ ผลเป็นลบ ทุกคนก็สบายใจ สามีก็ไปขับแท็กซี่ทุกวัน


ต่อมาวันที่ 4 ส.ค.ญาติมาตรวจเชื้อให้อีกครั้ง โดยใช้ชุดตรวจแบบ ATK เพราะเป็นห่วงเนื่องจากสามีคุณตุ๊ก มีรูปร่างอ้วน น้ำหนัก 108 กิโล แต่ผลตรวจออกมาก็ไม่พบเชื้อ ทุกคนในครอบครัวสบายใจ


แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นวันที่ 8 ส.ค.ตอนเช้ามา สามีบอกกับว่า หิวและเจ็บหน้าอก และพยายามลุกไปอาบน้ำ แต่ก็มีอาการเวียนหัวบ้านหมุน ภรรยาบอกสามีว่านั่งลงก่อน และถามว่าเป็นอะไร จะพาไปหาหมอ สามีก็เอากำปั้นทุบหน้าอก และหายใจเหนื่อย ซึ่งสามีไม่เคยหาหมอ เพราะไม่ชอบไป รพ.ที่ผ่านมาไม่เคยป่วยหรือมีอาการที่ต้องรักษาตัวใน รพ.จึงไม่เคยรู้ว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่


ช่วงบ่าย ลูกชายฝาแฝด ก็ขับรถแท็กซี่ที่เช่ามาพาไปรพ. ตอนที่นั่งในรถ สามีหลับนิ่ง ไม่พูดอะไร พอถึง รพ.ไม่มีสติแล้ว ตนพยายามเรียก และขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่รพ.ก็ช่วยกัน พยุงตัวสามีออกจากรถอย่างทุลักทุเล เพราะน้ำหนักตัวเยอะ เมื่อถึงมือหมอ ปรากฎว่าชีพจรต่ำ หมอช่วยปั๊มหัวใจ และกลับคืนมา แต่อีกสักพักก็ไม่มีชีพจรแล้ว คุณตุ๊กก็ขอร้องให้หมอช่วยปั๊มอีก เผื่อสามีจะกลับคืนมา แต่ก็ไม่เป็นผล จนลูกๆบอกว่า ป๊าจะเจ็บให้ป๊าไปสบาย


คุณหมอจึงซักประวัติ และตรวจเชื้อโควิด และแจ้งว่าหากพบติดเชื้อ จะต้องทำการเผาศพทันทีไม่มีพิธี และผลตรวจออกมาก็ติดโควิด ครอบครัวตกใจมาก เพราะไม่มีอาการอะไรเลย แล้วก็เพิ่งตรวจเชื้อแบบ ATK ก็ไม่พบเชื้อ


คุณหมอจึงตรวจเชื้อให้คุณตุ๊ก และลูกๆทั้งครอบครัวโดยวิธีการ PCR โดยทั้งหมดไม่พบเชื้อ แต่ให้กักตัวและมาตรวจซ้ำในวันที่ 14 ส.ค.นี้


คุณตุ๊กบอกว่า ช็อก ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง ต้องมาสูญเสียสามีโดยไม่ทันร่ำลา และไม่เคยรู้ว่าติดโควิด งานศพก็ไม่ได้ไป โดยทางสัปเหร่อลุงต๋อยและหลวงพี่มาร์ค วัดสุทธาวาส ก็โทรแจ้งไม่ต้องห่วง จะเผาศพสามีให้ ตอนนั้นเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะต้องมาเสียสามีไปแบบรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว เคยเห็นแต่ในข่าว ยังสงสารคนอื่นที่ต้องมาเสียคนในครอบครัว ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง


ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ยังร้องไห้ทุกวัน ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหน ต้องหลอกตัวเองว่า สามีไปขับรถ กลับบ้านดึก เดี๋ยวก็กลับมา บอกตัวเองแบบนี้ทุกวัน เพราะทำใจไม่ได้


คุณตุ๊กบอกว่า ชีวิตตลอดระยะเวลาที่อยู่กับสามี 17 ปี ก็ดูแลกันมาอย่างดี แม้จะลำบากยากจนแค่ไหน จะไม่เคยให้ลูกต้องอดหรือลำบาก แต่ตั้งแต่โควิดมาตนตกงาน ก็ปรับชีวิตกันใหม่ จากเคยเช่าห้อง 2 ห้องก็เหลือห้องเดียว ลูกสาวคนโต ก็ลาออกจากโรงเรียน มาเรียน กศน.เพื่อให้น้องๆได้เรียน


ครอบครัวลำบากอยู่แล้วเพราะโควิด มาปีนี้ ต้องมาเสียสามีที่เป็นเสาหลักของบ้าน ตนไม่รู้จะทำยังไง เพราะตัวเองก็ตกงานจากพิษโควิด รายได้ไม่มี ค่าเช่าห้องค่ากินอยู่จะเอาจากไหน และค่าเทอมลูกอีกสองคนที่ต้องจ่ายในสิ้นเดือนนี้ก็ไม่มี


สิ่งที่สามีเคยตั้งเป้าหมายกันไว้ ว่าอยากมีบ้านให้ลูกๆอยู่ จะได้ไม่ต้องเช่าห้องแบบนี้ไปตลอด อยากให้ลูกได้เรียนหนังสือสูงๆ จากนี้ตนจะต้องทำให้ได้ อยากบอกกับสามีว่า “ไม่ต้องห่วงลูกนะ หลับให้สบาย จะดูแลลูกเอง”


คุณตุ๊กบอกว่า ไม่ต้องการขอรับบริจาคใดๆเพราะมีคนลำบากกว่าตนเองอีกเยอะ แต่อยากขอทำงานจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูก หรือมีรายได้เสริมที่ลูกๆพอทำได้ แต่ก็ติดกักตัว และต้องตรวจเชื้ออีกครั้งก่อน ตอนนี้ทั้งบ้านมีเงินติดตัว 3,000 บาท จากหลวงพี่มาร์คให้มาช่วยเหลือเบื้องต้น


ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ตรวจเชื้ออีกรอบไม่พบเชื้อ จะได้ออกไปรับจ้างหางานทำ หรือ หากมีผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือคุณตุ๊กก็อยากทำอาชีพขายอาหาร เพราะเคยทำข้าวกล่องขายมาก่อน หากใครจะให้ทุนช่วยเหลือหรือให้อาชีพเพื่อจะได้เลี้ยงลูกต่อไป


แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างคือ เพื่อนข้างๆห้องรวมทั้งคนที่อาศัยในตึกนี้ มีท่าทีรังเกียจ และพยายามถามกับลูกสาวคุณตุ๊ก ว่าในห้องติดโควิดใช่มั้ย อยู่ห้องไหน ใครติด จนเด็กเริ่มหวาดกลัว และร้องไห้กลัว


ทีมข่าวจึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่นิติที่ดูแลตึก อธิบายว่าตอนนี้ครอบครัวนี้ยังไม่ได้ติดเชื้อ และขอให้ทางนิติ ทำความเข้าใจกับเพื่อนบ้านและช่วยดูแลครอบครัวนี้ ในระหว่างรอตรวจเชื้อซ้ำอีกครั้งในวันที่ 14 ส.ค.นี้



รับชมทางยูทูปที่ :https://youtu.be/Dcaf7lKY0PE

คุณอาจสนใจ

Related News