สังคม

เจอแล้ว! ทอง 49 บาทหล่นหาย วงจรปิดเห็นชัด ลุงขับแท็กซี่เก็บได้ เอาไปขายแล้ว 2 บาท

โดย petchpawee_k

28 พ.ค. 2567

2.1K views

เจอครบแล้วทอง 49 บาท หล่นหายกลางถนน วงจรปิดเห็นชัด ลุงขับแท็กซี่เก็บทองได้ จับตัวพร้อมดำเนินคดี เจ้าตัว สารภาพ ไม่ได้ตั้งใจ พร้อมขอโทษ  ด้าน ‘เสี่ยปู๊’ พกตราชั่ง รับทอง พิสูจน์ เตรียมบวช 3 วัน แก้บน


จากกรณีที่คุณไพรินทร์ อายุ 58 ปี ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางยี่ขัน ว่าถุงที่ใส่ทองคำประมาณ 49 บาท มูลค่า 1 ล้าน 9 แสนบาท หล่นหาย บริเวณสะพานลอย ตรงข้ามโลตัสปิ่นเกล้า โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 8.19 น.


ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน ได้คุมตัวคนขับรถแท็กซี่สีส้มแดง ที่ปรากฏภาพกล้องวงจรปิด ว่าได้มีการลงไปหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่กลางถนนบรมราชชนนีขาออก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม มาสอบปากคำ หลังจากที่เช้าวันนี้สามารถติดตามจับกุมตัวได้ย่านนางเลิ้ง ขณะกำลังขับรถแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารอยู่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวคนขับแท็กซี่ไปตรวจค้นหาทองบริเวณบ้านพักย่านสาธุประดิษฐ์ โดยระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวคนขับแท็กซี่ขึ้นมายังห้องสืบสวนที่อยู่บริเวณชั้นสามของโรงพัก สื่อมวลชนได้พยามสอบถามกับคนขับแท็กซี่รายดังกล่าวว่าทองยังอยู่หรือเปล่า คนขับแท็กซี่ไม่ได้ตอบคำถามได้แต่พยักหน้า


ซึ่งนอกจากนี้สื่อมวลชนยังได้สอบถามอีกว่า วันที่เก็บกระเป๋าไปรู้มั้ยว่าเป็นทอง, ทำไมไม่นำทองมาคืน, ได้คุยกับเจ้าของทองหรือยัง, กลัวได้รับผิดหรือไม่ แต่คนขับแท็กซี่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามทุกคำถาม


เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทองคำทั้งหมดได้แล้ว 47 บาท ส่วนอีก 2 บาทลุงคนขับแท็กซี่ได้นำไปขายให้กับร้านทองแห่งหนึ่ง และได้เงินมาจำนวน 60,000 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวยังไม่ได้นำมาใช้จ่าย ซึ่งก็ได้อายัดเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนสาเหตุที่ลุงคนขับแท็กซี่อ้างว่านำทองไปขายเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าทองที่เก็บได้เป็นของจริงหรือไม่  ในเวลาต่อมาตำรวจได้เชิญตัวภรรยาของคนขับแท็กซี่มาให้ปากคำด้วย  


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้รับภาพวงจรปิดบริเวณหน้าร้านขายของแห่งหนึ่ง บริเวณปากซอยบรมราชนนี 7 ถนนบรมราชชนนี ฝั่งโลตัส ปิ่นเกล้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฝั่งที่ป้าไพรินทร์อ้างทำทองตกครั้งแรก โดยจะเป็นพยานหลักฐานที่เชื่อว่า กระเป๋าที่คาดว่าบรรจุทองนั้นถูกเกี่ยวมากับรถคันหนึ่งจากฝั่งที่ป้าไพรินทร์อ้างว่าทำกระเป๋าหล่น ก่อนที่จะมีการยูเทิร์นรถมายังฝั่งตรงข้าม แล้วปรากฏภาพตามในวงจรปิดดังต่อไปนี้

วงจรปิดตัวแรก

เวลา 8:17:35 จะเห็นว่า มีรถแท็กซี่คันสีแดงค่อยๆ ขับเข้ามาช้าๆ เพื่อมาจอดบริเวณด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว

วงจรปิดตัวที่ 2

เวลา 8:17:48 ก็จะเห็นว่า รถแท็กซี่คันสีแดงค่อยๆ ถอยมาจอดบริเวณด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว

วงจรปิดตัวที่ 3

เวลา 8:18:35 ก็จะเห็นว่า ลุงขับรถแท็กซี่คันสีแดงได้เดินลงมาจากรถ โดยเดินอ้อมมาด้านหลังก่อนจะตรงดิ่งไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว

วงจรปิดตัวที่ 4-5-6 


เวลา 8:20:50 จะสังเกตเห็นรถยนต์ลักษณะคล้ายรถ jazz สีบรอนซ์เทาคัน 1 ขับผ่านมาบนถนนบรมราชชนนี ประมาณเลนที่ 3 ขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยภาพตัวที่ 5 จะเห็นว่า หลังจากที่รถขับผ่านกล้องตัวดังกล่าวไป เหมือนจะมีสิ่งของบางอย่างหลุดออกมาจากบริเวณท้ายรถ โดยภาพตัวที่ 6 นั้นจะเป็นภาพที่ซูมอย่างเห็นได้ชัดว่ามีของตกลงมาจากรถ jazz คันดังกล่าวลงบนถนน


วงจรปิดตัวที่ 7

เวลา 8:22:16 จะเห็นว่า ลุงขับรถแท็กซี่เหมือนจะเห็นว่ามีของตกอยู่กลางถนน จึงเดินจากบริเวณท้ายรถแล้วข้ามถนน เพื่อมุ่งหน้าไปเก็บของที่อยู่บริเวณกลางถนน โดยลุงอาศัยจังหวะที่รถโล่งวิ่งไปเพื่อหยิบของ แล้วเดินกลับมาที่ข้างถนน


วงจรปิดตัวที่ 8

เวลา 8:22:46 จะเห็นว่า ลุงขับแท็กซี่หยิบกระเป๋าที่เก็บได้กลางถนนมาวางไว้ข้างตน ก่อนจะนั่งลงกินก๋วยเตี๋ยว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นระยะเวลาประมาณ 5 นาที

วงจรปิดตัวที่ 9

เวลา 8:28:10 จะเห็นว่า ลุงขับแท็กซี่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้ว จึงหยิบชามไปเก็บไว้หลังรถเข็นร้าน แล้วก็เดินมาคว้ากระเป๋าออกไปจากร้านทันที


วงจรปิดตัวที่ 10

เวลา 8:28:10 จะเห็นว่า ลุงขับแท็กซี่ได้ลุกเดินไปเก็บชามก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินมาหยิบกระเป๋า ก่อนจะเดินอ้อมด้านหลังรถแล้วขึ้นรถแล้วจะขับออกไปทันที


ต่อมานายชัยพร  หรือ เฮียปุ๊ ได้เดินมาที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนหลังจากที่ทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวลุงสง่า ภูคำ คนขับแท็กซี่ที่เก็บทองไปได้ ซึ่งเฮียปุ๊ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมว่า ดีใจมากที่ตำรวจสามารถติดตามตัวคนเก็บทองและนำทองกลับขึ้นมาได้ โดยในวันนี้ได้มีการเตรียมตราชั่งทอง เพื่อมาพิสูจน์ว่าทองอยู่ครบหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ลุงได้นำทองไปขายจำนวน 2 บาท ส่วนตัวถือว่าเล็กน้อยไม่ได้ติดใจอะไร แต่การดำเนินคดีก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย


ซึ่งวันนี้ตนอยากจะสอบถามกับลุงสง่าว่าเก็บทองไปแล้วทำไมถึงไม่นำมาคืน ทั้งๆ ที่ข่าวออกตลอดเวลา จึงเป็นข้อสงสัยที่จะต้องสอบถามในตัวลุง


ส่วนข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวลุงสง่าได้ มาจากคำทำนายของพระหรือไม่ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ที่พระได้มีการทักไว้ว่าจะได้ทองคำคืนในวันจันทร์และให้ไปตรวจสอบกล้องฝั่งตรงข้าม โดยมีพระทั้งหมดจำนวนสามรูปที่ทักมา ซึ่งรายละเอียดจะแถลงให้ทราบภายหลัง


ในส่วนของเงินรางวัล 100,000 บาท ต้องรอพูดคุยรายละเอียดกับตำรวจว่าใครมีส่วนช่วยในการแจ้งเบาะแสบ้าง


ขณะที่นางสาวไพรินทร์ ได้เดินทางมาถึง สน.บางยี่ขัน พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าไปห้องสืบสวนว่ารู้สึกโล่งที่เจอทอง และตนเองไม่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะที่ผ่านมารู้สึกเครียดและกังวลมาโดยตลอด กลัวว่าจะไม่พบทองแล้วจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ


เมื่อนักข่าวถามว่าโกรธลุงมั้ย น.ส.ไพรินทร์ตอบว่า ไม่โกรธ แต่อยากถามว่าทำไมไม่เอามาคืน และยอมรับว่าเข็ดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะไม่รับฝากทองไปให้ลูกค้านี้อีก โดยทางบริษัทก็มีนโยบายห้ามรับส่งทองให้กับลูกค้าอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นหน้าที่แต่ตนเพียงอยากอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า


จากนั้น พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 พร้อม พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน ได้เชิญนายชัยพร หรือ เฮียปุ๊ และ นางสาวไพรินทร์ มาร่วมแถลงปิดคดี


โดย พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 ระบุว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ได้มีการสั่งการให้ผู้กำกับและเจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งติดตามเพื่อพิสูจน์ว่าทองตกเอง หรือมีคนเอาไปหรือไม่ต้องพิสูจน์ให้ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วตำรวจสามารถพิสูจน์ได้ในระยะเวลา 6 วัน ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชนหากท่านใดพบเห็นของตกหล่น ก็ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ไม่งั้นจะเป็นการลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย


ด้าน พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน บอกว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาเพียง 6 วัน และได้รับความร่วมมือจากประชาชนรวมทั้งสื่อมวลชน ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสาร จนสามารถติดตามผู้ที่กระทำผิดมาดำเนินคดีได้


อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าวยังทำให้คุณไพรินทร์ ได้รับผลกระทบตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งภาพที่เห็นอาจจะไม่เป็นความจริง ดังนั้นตำรวจจึงสามารถพิสูจน์และไขความกระจ่างให้กับคุณไพรินทร์ได้


ในขณะเดียวกันผู้เสียหายก็ได้รับทรัพย์สินที่หายคืน ส่วนการดำเนินคดีตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีในฐานลักทรัพย์ ถึงแม้ว่าทางผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความก็ตาม แต่คดีดังกล่าวเป็นอาญาแผ่นดิน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา


ด้านนายชัยพร หรือ เฮียปุ๊ บอกว่า วันนี้ตนได้นำตาช่างมาตรวจสอบทองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดคืนมาได้พบว่าทองอยู่ครบตามจำนวนน้ำหนักทอง ประกอบด้วย ทองรูปพรรณ 40 บาท และทองแท่ง 9 บาท ส่วนในการพูดคุยกับลุงสง่า ตนเองก็ติดใจในพฤติกรรม เนื่องจากลุงสง่าไม่สามารถอธิบายได้ และเหตุผลที่ลุงสง่าอธิบายฟังไม่ขึ้น ตนจึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฏหมาย


โดยเฮียปุ๊ บอกอีกว่า หลังจากนี้ตนก็จะได้ไปบวชแก้บน ตามที่ได้ไปบนเอาไว้ว่าหากได้ทองคืนจะบวชพระให้ 3 วัน


ด้านนางสาวไพรินทร์ ผู้ที่ทำกระเป๋าทองตกหล่น บอกว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก จึงอยากขอบคุณสื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ช่วยติดตามจนสามารถได้ทองกลับคืนมา ที่ผ่านมาตนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่กล้าบอกว่าทำกระเป๋าทองหายเนื่องจากว่ามีมูลค่าจำนวนมาก เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและจะตามกลับคืนมาไม่ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องกับผู้ที่เก็บทองไป เนื่องจากว่าหากเจ้าหน้าที่ติดตามนำทองคืนกลับมาไม่ได้ตนก็จะต้องรับผิด และต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว


ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวลุงสง่าออกจากห้องสืบสวนเพื่อมาทำบันทึกกับพนักงานสอบสวนได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้หลายคนได้รับความเดือดร้อน ส่วนตนเองไม่มีเจตนาที่จะลักทรัพย์ แต่เมื่อตำรวจดำเนินคดีก็พร้อมที่จะรับโทษ โดยยืนยันว่าตนไม่มีทีวีดู ไม่มีวิทยุฟังจึงไม่รับรู้ข่าวสาร


ขณะเดียวกันทีมข่าวลงพื้นที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีคนเก็บถุงทอง พบกับ นางสาวนกน้อย แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวบริเวณด้านหน้าซอยบรมราชชนนี 7 ซึ่งอยู่ฝั่งโลตัสปิ่นเกล้า พาทีมข่าวชี้จุดที่พบว่ามีสิ่งของหล่น อยู่เลนที่ 2 ของถนนบรมราชชนนี และพาชี้จุดที่คนขับแท็กซี่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะบอกว่า ราว 8 โมงครึ่ง 9 โมง ตนกำลังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ มองเห็นว่ามีกระเป๋าสีขาวมีหูหิ้ว วางอยู่ตรงกลางถนน แต่ไม่รู้ว่ากระเป๋ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง


หรือติดรถคันไหนมา จากนั้นมีแท็กซี่คันสีแดงมาจอดบริเวณหน้าร้านเพื่อมาสั่งก๋วยเตี๋ยว ตนจึงคุยกับสามีว่า "กระเป๋าใครร่วงอยู่ตรงกลางถนน" สามีก็บอกว่าให้ไปเก็บ แต่ตอนนั้นเป็นชั่วโมงเร่งด่วน รถเยอะ ตนจึงไม่กล้าออกไปเก็บ โชเฟอร์แท็กซี่คันดังกล่าวที่ยืนซื้อก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าร้านจึงบอกว่า "เดี๋ยวลุงไปเก็บให้เอง"


จากนั้นก็ได้เดินข้ามไปเก็บกระเป๋าแล้วเอามาวางไว้อยู่ตรงโต๊ะ พร้อมกับนั่งกินก๋วยเตี๋ยวทันทีโดยที่ไม่ได้บอกใคร ตนเองก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังยุ่งอยู่กับลูกค้า  พอคนขับแท็กซี่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็หิ้วกระเป๋าขึ้นรถไปเลย ตอนนั้นก็แปลกใจว่า ทำไมเอากระเป๋าไปด้วย  หลังจากนั้นก็เห็นข่าว จึงจำได้ว่าเป็นกระเป๋าที่มีการประกาศตามหา เพราะข้างในมีทองคำหนัก 49 บาท


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5t2lwsNIQCw

คุณอาจสนใจ

Related News