'กรรชัย' ฝาก 'บอสคนดัง' เตือนลูกหาบให้เงียบปาก ด้าน รมต.สั่งสอบ บ.ขายตรง จ่อเพิกถอนโล่รางวัล

'จิราพร' สั่งสอบ บ.ขายตรงบอสคนดัง จ่อเพิกถอนรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ เหยื่อบริษัทขายตรงรวมตัวร้อง สคบ. ตรวจสอบการทำธุรกิจ หลังพบยื่นจดทะเบียนขายตรงแต่ไม่ผ่าน ด้าน สคบ. เตรียมเรียกเหล่าบอส และอินฟลูเอนเซอร์ เข้าให้ปากคำภายในอาทิตย์หน้า

รัฐมนตรีจิราพร สินธุไพร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุว่า ขณะนี้ดิฉันประชุม OECD อยู่ต่างประเทศ ทันทีที่ได้รับแจ้งกรณีปัญหา บริษัท ดังกล่าว ได้สั่งการ สคบ. ตรวจสอบและรายงานในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว

โดย กรณีที่ สคบ. เคยมอบโล่รางวัลให้กับบริษัทดังกล่าว ในงานวันคุ้มครองผู้บริโภค ปี 65 ได้รับรายงานว่า ช่วงโควิด ปี 63 บริษัทดังกล่าวได้บริจาคแอลกอฮอล์และหน้ากากในงานสัมมนาของกรรมาธิการ ซึ่ง สคบ. ได้ร่วมเป็นวิทยากร ในปี 64 จึงได้รับการเสนอชื่อและได้รับรางวัลจาก สคบ. ในฐานะผู้ทำสาธารณประโยชน์ แต่เป็นช่วงโควิดเลยได้มารับรางวัลในปี 65 ทั้งนี้ หากต่อมาพบว่าบริษัทดังกล่าวมีการกระทำความผิด สคบ. จะเพิกถอนโล่รางวัลดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ ดิฉันมอบหมายให้ สคบ. รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย และสั่งการให้ สคบ. ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างรัดกุม เช่น พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น รวมถึงตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการร้องเรียนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายมาร้องเรียนบริษัทดังกล่าวที่ สคบ.

ยืนยันว่า ตนเอง ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเมื่อถึงไทยจะได้หารือแนวทางการตรวจสอบกรณีดังกล่าวร่วมกับ DSI ปปง. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสแรก

ด้าน นางสาว กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย ออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง พาตัวแทนผู้เสียหายจากการดำเนินธุรกิจขายตรงชื่อดัง ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. พร้อมบอกว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียน 110 ราย จำนวนนี้ 89 ราย อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนอีก 21 รายเป็นผู้เสียหายใหม่ ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการ

ที่มาวันนี้เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืน ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษตามกฏหมาย และต้องเกิดมาตรการการป้องกันที่ยั่งยืน พร้อมบอกว่า ธุรกิจดังกล่าวเป็นการจดธุรกิจ "ตลาดแบบตรง" คือ การทำตลาดสินค้าในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลผ่านออนไลน์เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า แต่ปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวกลับทำออกมาเป็นลักษณะ "ธุรกิจขายตรง" เคยขออนุญาตจากทาง สคบ.แล้วแต่ไม่ผ่าน กลับยังดำเนินธุรกิจอยู่ ซึ่งในเบื้องต้นจะมีความผิดในการขอใบอนุญาตธุรกิจตลาดขายตรง รวมถึงการโฆษณาเชิญชวนที่เกินจริง

ส่วนดาราเป็นถึงระดับผู้บริหารของบริษัท รวมถึงมีดาราหลายคนเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้า เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า อาจจะเข้าข่ายความผิดด้วยเพราะเปรียบเสมือนแม่ทีม ใช้ชื่อเสียงขายเครดิตขายความน่าเชื่อถือของตัวเอง ควรจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปด้วย เพราะเวลาได้ คุณก็ได้ เวลาที่มีความเสียหายคุณก็จะต้องรับผิดชอบด้วย

หลังจากยื่นเอกสารให้กับทาง สคบ.ในวันนี้ จะเข้าให้ปากคำที่ บก.บคป.ด้วย เพื่อเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ตำรวจ

นาย จิติภัทร บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สคบ. เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563 มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน 15 ราย ความเสียหายต่อคนอยู่ที่ประมาณหลักแสน ปัจจุบันไกล่เกลียสำเร็จไปแล้ว 13 ราย ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการเจรจายอดความเสียหายในครั้งนั้นอยู่ที่ประมาณหลักล้าน

ก่อนหน้านี้บริษัทได้ยื่นจดทะเบียนธุรกิจตลาดแบบตรงเมื่อปี 2562 และมายื่นจดทะเบียนธุรกิจขายตรงเมื่อปี 2565 พร้อมบอกว่าเป็นเสนอขายปลีก ขายส่งกำไรที่ได้มาจากส่วนต่าง ตอนนั้นนายทะเบียนจึงไม่มีคำสั่งรับจดทะเบียนธุรกิจขายตรง

หลังจากนี้จะประสานดีเอสไอตรวจสอบว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ และจะไปดูข้อตกลงสัญญาว่า จ่ายผลตอบแทนเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ ถ้าผู้เสียหายมีสินค้าในการขายก็จะต้องออกไปขายของ ไม่ใช่นั่งรอกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ พร้อมขอให้มั่นใจว่าทางสคบ.จะดูแล และจะดำเนินการอย่างเคร่งครัด

ส่วนผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์กับศูนย์ ดำรงธรรมจังหวัดได้ในทุกจังหวัด โดยที่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะมีการประสานงานกัน

กรณีที่เคยมีการมอบโล่รางวัลให้กับทางบริษัท นาย จิติภัทร ชี้แจ้งว่า การมอบโล่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะส่งเสริมสนับสนุนผู้ทำคุณประโยชน์ ทำสาธารณะประโยชน์ ซึ่งในช่วงโควิด ทางคณะกรรมาธิการมีการลงพื้นที่ในจังหวัดโคราช แล้วบริษัทดังกล่าวเข้ามาสนับสนุนหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ค่อนข้างเยอะ รวมถึงตอนนั้นยังไม่มีเรื่องร้องทุกข์ของบริษัทนี้ จึงผ่านเกณฑ์พิจารณาสมควรที่จะได้รับโล่นี้ ซึ่งทางบริษัทได้โล่เมื่อปี 2564 แต่ติดสถานการณ์โควิด จึงได้มามอบรางวัลนี้ในปี 2565 หากตรวจสอบพบว่าบริษัทกระทำความผิดก็จะปลดสัญลักษณ์นั้นออก

โดยในสัปดาห์นี้ทางสคบ.จะลงพื้นที่ตรวจสอบภายในบริษัท และในสัปดาห์หน้าก็จะเชิญ ผู้บริหารของบริษัท ดารา และผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อเท็จจริง

https://youtu.be/kjfclK0_J3k