สังคม
เซลล์หนุ่มร้อง หลังบอกเลิกสาวผู้พิพากษาสมทบ ถูกแจ้งความแกล้งรัวๆ อ้างโดนทำร้าย-ลักทรัพย์
โดย JitrarutP
14 ก.พ. 2567
317 views
หนุ่มเซลล์พบรักผู้พิพากษาสมทบสาวผ่านแอปฯ หาคู่ หลังตกลงคบหากันได้ไม่นาน ไปกันไม่รอด สุดท้ายผู้ชายขอเลิก กลับถูกแจ้งความหลายข้อหา ทั้งทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์ และฉ้อโกง
จากกรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าวโพสต์ข้อความระบุว่า มีหนุ่มคนหนึ่งเล่าว่าไปรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งจากแอปฯ หาคู่ จึงได้ตกลงที่จะคบหากัน แต่ผ่านไปได้ไม่ถึงเดือน เขาเริ่มสังเกตถึงพฤติกรรมและอารมณ์ที่แปรปรวนของฝ่ายหญิงที่มักหงุดหงิดง่าย ชอบเอาแต่ใจตัวเองเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย จึงเริ่มที่จะค่อยๆ ตีตัวออกห่าง ย่างเข้าเดือนที่สอง ผู้ชายรายดังกล่าวจึงตัดสินใจจะขอยุติความสัมพันธ์ ทำให้ฝ่ายหญิงไม่พอใจ และไปหาที่คอนโด ซึ่งตอนนั้นผู้ชายอยู่ที่ทำงาน ฝ่ายหญิงจึงได้โทรตามให้รีบกลับมาหาที่ห้องทันที และวิดีโอคอลไปหา ขู่จะใช้คัตเตอร์ทำร้ายตัวเอง หากยังไม่รีบกลับ
พอกลับมาถึงห้องตอนมืดก็ต้องมาพบกับสภาพห้องที่ถูกรื้อค้นและทรัพย์สินต่างๆ พังเสียหาย เท่านั้นไม่พอ ตอนนี้ถูกผู้หญิงแจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และอีกหลายข้อหา ทั้งที่ความเป็นจริงเขาไม่ได้ทำ จึงอยากขอความช่วยเหลือทนายหรือใครที่พอจะอาสาช่วยเหลือเพื่อคืนความยุติธรรมและความบริสุทธิ์ให้กับเขา
จากประวัติ ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้พิพากษาสมทบ อดีตเคยแจ้งความกับผู้ชายคนอื่นๆ มาแล้วถึง 3 คนพร้อมรับเงินชดใช้จากคู่กรณีมาแล้วเหมือนกัน
ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ พูดคุยกับคุณแบงค์ อายุ 36 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า เขารู้จักกับคุณเอญ่า (นามสมมติ) ผ่านแอปฯ หาคู่ ช่วงมีนาคม 2566 โดยก่อนคบกันก็ได้บอกฝ่ายหญิงว่า เคยมีลูกเคยมีครอบครัวมาแล้วและเลิกรากันไป ตอนนี้โสด ฝ่ายหญิงก็บอกว่าเคยมีลูกมีครอบครัวมาแล้วเหมือนกัน หลังจากได้คุยกัน ก็เห็นถึงความชัดเจนและจริงใจของฝ่ายหญิงที่พูดตรงไปตรงมา จึงได้แอดไลน์คุยกัน ฝ่ายหญิงบอกว่าทำงานด้านกฎหมาย หลังจากพูดคุยผ่านแชตประมาณ 2 วัน ฝ่ายหญิงก็มาหาที่คอนโด จากนั้นก็คบหากันเป็นแฟน
กระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2566 ตนเองกับฝ่ายหญิงไปเที่ยวสงกรานต์ด้วยกันที่บางแสน หลังจากไปเที่ยวบางแสนด้วยกัน ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น เพราะฝ่ายหญิงนำแหวนทอง หัวมรกตมามอบให้คุณแบงค์ และพาไปร้านทอง นำสร้อยคอทองคำ 50 สตางค์ไปเพิ่มเป็น 1 บาทและมอบทองคำให้ อีก 1 เส้น
หลังจากนั้นก็คบกันไปสักพัก คุณแบงค์กับฝ่ายหญิงเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกัน โดยช่วงทะเลาะกันเป็นช่วงสงกรานต์ คุณแบงค์โทรไปหา แต่ฝ่ายหญิงไม่รับและก็ปิดเครื่อง อ้างว่าเล่นน้ำวันไหลสงกรานต์ และโทรศัพท์แบตหมด พอติดต่อได้ฝ่ายหญิงก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก ทำให้เริ่มแปลกใจว่าทำไมต้องร้องไห้หนักขนาดนั้น สุดท้ายก็ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธฝ่ายหญิง
คุณแบงค์ กล่าวว่า มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่รู้สึกรับพฤติกรรมของฝ่ายหญิงไม่ได้ คือตนเองไปยืมเงินฝ่ายหญิง 70,000 บาท เพื่อนำไปซื้อรถ Toyota Vios มาขายต่อ และยืมเงินใช้จ่ายส่วนตัวอีกประมาณ 20,000 กว่าบาท รวมเป็นเงิน 90,000 กว่าบาท ซึ่งหลังจากนั้นขายรถโตโยต้าวีออสได้เงิน 109,700 บาท ก็โอนเงินทั้งหมดให้ฝ่ายหญิง เพราะความรักและความไว้ใจ
ต่อมาอีกไม่กี่วัน คุณแบงค์ก็ได้ค่าคอมมิชชั่น 30,000 บาท จากการขายรถอีกคัน จึงโอนเงินให้ฝ่ายหญิง 25,000 บาท ฝากเก็บไว้ เพราะคิดว่าถ้าอยู่กับตัวเอง ก็จะใช้กินเที่ยวจนเงินหมด แต่หลังจากนั้น จะต้องนำเงินไปจ่ายค่าเทอมลูก และซื้อชุดนักเรียน จึงขอให้ฝ่ายหญิงโอนเงินคืนกลับมา 5,000 บาท แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมโอน ด้วยความที่ร้อนใจ จึงมาหาฝ่ายหญิงที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา ที่ฝ่ายหญิงมาอบรมเกี่ยวกับผู้พิพากษา และพอมาเจอกันฝ่ายหญิงก็ทำเป็นไม่รู้จักกับตนเอง หลังจากนั้นก็ชวนฝ่ายหญิงไปนั่งคุยกันบนรถ ฝ่ายหญิงก็เดินขึ้นมานั่งเบาะหลัง ทำเหมือนว่าตนเองเป็นคนขับรถ ซึ่งก็ได้บอกฝ่ายหญิงว่า ให้มานั่งข้างหน้าคุยกันดีๆ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม
และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ บอกตำรวจว่าคุณแบงค์ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ขโมยเอกสารไป ซึ่งตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็มาจริงๆ ตนเองก็พยายามชี้แจง และอธิบายให้ตำรวจฟังว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งฝ่ายหญิงพยายามบอกตำรวจว่าตนเองขโมยแหวน กับสร้อยคอทองคำไป ซึ่งก็ได้ถอดสร้อยคอทองคำคืน แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับ เหตุการณ์ในวันนั้น พนักงานโรงแรมและตำรวจ ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สุดท้ายตำรวจบอกว่า ให้เอาของกลางไปลงบันทึกประจำวัน ว่าต้องการคืนของให้ฝ่ายหญิง
คุณแบงค์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมแปลกๆ โวยวายอาละวาด และแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง ทำให้รู้สึกว่าไปต่อไม่ไหว จึงพยายามขอเลิก แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฝ่ายหญิงมาตามง้อขอคืนดี และไปรอที่คอนโด โดยอ้างกับแม่บ้านว่าเป็นแฟนเจ้าของห้อง จากนั้นฝ่ายหญิงวิดีโอคอลมาหา แล้วมีรอยแผล รอยคัตเตอร์กรีดที่แขนหลายแผล ซึ่งตอนนั้นรู้สึกตกใจ และกลัวฝ่ายหญิงจะไม่ปลอดภัย จึงรีบเดินทางไปหาที่คอนโด พร้อมกับตำรวจ แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมเปิดห้องให้ จนตำรวจกลับไป
ขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่กล้าเข้าห้อง จึงไปขออาศัยอยู่กับแฟนเก่า ซึ่งเป็นแม่ของลูก กระทั่งวันรุ่งขึ้นคุณแบงค์ กลับมาที่ห้องพบว่าสภาพห้องเละ ข้าวของกระจุยกระจาย ที่นอนมีรอยกรีดด้วยมีด เสื้อผ้าก็ถูกกรีดด้วย และฝ่ายหญิงไปแจ้งความกล่าวหาว่าเขาทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง ซึ่งตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำ และนั่งอยู่ข้างๆ ฝ่ายหญิง ขณะนั้นก็สังเกตเห็น ว่าที่ปากฝ่ายหญิง มีเลือดออกที่ปาก จึงถามฝ่ายหญิงว่าปากไปโดนอะไรมา ฝ่ายหญิงตอบต่อหน้าตำรวจว่า “ก็เธอตบเราเมื่อคืนไง” ตอนนั้นรู้สึกงงมาก และพยายามชี้แจงกับตำรวจ และบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้อยู่ด้วยกัน
คุณแบงค์ บอกอีกว่า หลังจากนั้นก็บอกเลิกฝ่ายหญิง เพราะเจอกับเหตุการณ์อะไรแปลกๆ งงๆ แบบนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยความที่ยังรักและรู้สึกดีต่อกัน ก็กลับไปคบหากันอีกรอบ และก็คบกันได้ระยะหนึ่ง ร้องเพลงเล่นกีต้าร์ด้วยกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ก็เกิดปัญหาเดิมๆ เพราะฝ่ายหญิงมีอารมณ์แปรปรวน ชอบขู่ทำร้ายร่างกายตัวเอง สุดท้ายก็ต้องขอเลิกรากับฝ่ายหญิงอีก และทุกครั้งที่พยายามตีตัวออกห่าง ฝ่ายหญิงก็จะสร้างสถานการณ์ทำร้ายตัวเอง และแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ
ล่าสุด คุณแบงค์ถูกแจ้งข้อหา เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมฯ และข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ทำตามที่ฝ่ายหญิงกล่าวหา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/6uNe0RMqmbg