สังคม
มีปลอมอีกแล้ว! 'ผู้พิพากษาเก๊' อ้างฝากเข้าทำงานได้ หลอกเหยื่อนับสิบจ่ายเงิน สูญกว่า 2 ล้าน
โดย nattachat_c
11 ต.ค. 2565
8 views
วานนี้ (10 ต.ค. 54) เวลา 15.00 น. ที่ สภ.กันตัง นายณัฐพล เจะมะอะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 อ.กันตัง และเจ้าหน้าที่ อบต.บ่อน้ำร้อน ได้นำผู้เสียหายที่เป็นลูกบ้าน จำนวน 15 ราย ทยอยเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงรายหนึ่ง
โดยแอบอ้างเป็นผู้พิพากษาสมทบ ประจำศาลจังหวัดตรัง และศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดตรัง โดยหลอกชาวบ้านว่า มีโควต้ารับเข้าทำงานในตำแหน่งต่างๆ ในศาล เช่น คนขับรถ ธุรการ ผู้ช่วยอัยการ เลขาส่วนตัว แต่ต้องมีการจ่ายค่าประกันก่อนเข้าทำงาน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ไม่สามารถนำเข้าทำงานได้จริง ทางผู้เสียหายกลับถูกบ่ายเบี่ยง และไม่ได้เงินคืน ตอนนี้สร้างความเสียหายรวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท
นายณัฐพล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 กล่าวว่า มีผู้หญิงรายหนึ่ง อายุประมาณ 33 ปี ได้ก่อเหตุหลอกชาวบ้าน โดยอ้างว่าเป็นผู้พิพากษาสมทบ ประจำศาลจังหวัดตรัง และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรัง บอกว่าจะพาเข้าทำงานที่ศาลในตำแหน่งต่างๆ แต่ต้องจ่ายค่าประกันก่อนเข้าทำงาน เป็นเงินจำนวน 3 - 7 หมื่นบาท
พร้อมทั้งรับประกันว่า จะได้ทำงานภายใน 1 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกันมิจฉาชีพรายนี้ ยังทำตัวให้น่าเชื่อถือ มีการนำเอกสารราชการมาแอบอ้างว่า รับสมัครพนักงาน และยังแอบอ้างอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยประจำศาลจังหวัดปัตตานี
สอบถามชาวบ้านเบื้องต้นพบว่า มีการจ่ายเงินรอบแรก ตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้ทำการสอบถามไปยังทางหน่วยงานยุติธรรมแล้ว พบว่าไม่มีชื่อของหญิงรายดังกล่าวเป็นผู้พิพากษาสบทบแต่อย่างใด และหญิงรายดังกล่าว ยังเคยต้องโทษคดีฉ้อโกง ในพื้นที่ จ.ปัตตานี มาแล้ว
ล่าสุด ตนทราบว่า หญิงรายดังกล่าว ได้ซื้อรถกระบะป้ายแดงอีกด้วย ตอนนี้มีลูกบ้านที่ตกเป็นเหยื่อประมาณ 15 ราย ตนได้พาผู้เสียหายบางส่วนมาแจ้งความในวันนี้
ด้าน น.ส.นา (นามสมมติ) อายุ 42 ปี กล่าวว่า หญิงรายดังกล่าวเป็นชาวจังหวัดพัทลุง โดยได้มาอาศัยบ้านญาติที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง ทีแรกได้มาติดต่อตน และสอบถามว่าสนใจทำงานที่ศาลไหม มีโควต้าอยู่ 6 ตำแหน่ง ด้วยความที่เป็นคนในหมู่บ้าน และเคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนจึงเกิดความเชื่อใจ
จากนั้น นัดวันเขียนใบสมัคร ในวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งใบสมัครนั้น หญิงรายดังกล่าว ได้ส่งมาให้ตนผ่านทางไลน์ พร้อมทั้งมีการเรียกเก็บเงินค่าประกันรอบแรก เป็นเงินจำนวน 35,800 บาท ซึ่งทีแรกจะโอนผ่านแอปธนาคาร แต่มิจฉาชีพรายนั้นบอกตนว่า ไม่ต้องโอนผ่านธนาคาร ให้ใส่ซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้แทน เงินจำนวนดังกล่าวที่จ่ายให้ไป เป็นเงินเก็บที่ไว้ใช้จ่ายในครอบครัวของตน
ต่อมาวันที่ 30 ก.ค. ตนถูกเรียก เก็บเงินเพิ่มอีก 40,000 บาท ถูกอ้างว่า หัวหน้างานเห็นประวัติของตนแล้ว และมีประวัติการทำงานที่ดี และดูงานธุรการ ก็เลยอยากให้เข้าบรรจุข้าราชการเลย และจะได้เงินคืนในเดือนต.ค.
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็ได้ไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง เอาหัวทะเบียนรถไปวางค้ำเอาเงินก้อน ตนเคยถามว่า ทำไมไม่ชวนญาติที่จังหวัดพัทลุงมาเป็นพนักงาน ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ส่วนใหญ่ทำงานเป็นข้าราชการหมดแล้ว อยากให้คนทางนี้ได้มีหน้าค่าตา ทำงานดีๆ บ้าง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็มีการตั้งกลุ่มไลน์คุยกันเพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
ขณะที่ น.ส. วา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ผู้เสียหายอีกราย เผยว่า จุดเริ่มแรกตนก็ได้รับไปติดต่อเช่นเดียวกับผู้เสียเสียหายรายอื่นๆ ที่ช่วยหาคนมาทำงานในศาล ซึ่งตนก็มีลูกสาวทำงานอยู่กรุงเทพฯ พอตนอายุเริ่มมากขึ้น จึงอยากให้ลูกออกมาอยู่กับตนสัก 1 คน เพื่อช่วยในงานต่างๆ หรือพาไปโรงพยาบาล
ตนเห็นมิจฉาชีพรายดังกล่าว เวลางานบุญก็มีการมาช่วยกันทำแกง ช่วยงานต่างๆ อยู่ตลอด จึงทำให้เกิดความเชื่อใจ เมื่อได้รับการติดต่อ ก็บอกสนใจงานให้ลูกสาว โดยมิจฉาชีพรายนั้นมีข้อแม้ ต้องให้ลูกสาวลาออกจากงานก่อน แล้วก็เริ่มงานภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ตนจึงได้ไปหยิบยืมเงินญาติพี่น้องเป็นเงินประมาณ 78,630 บาท โดยได้เสียค่ารถขนของจากกรุงเทพฯกลับมาที่บ้านเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท แต่เมื่อกลับมาถึงแล้ว กลับพบว่า ลูกสาวไม่มีงานทำ
ตอนนี้ลูกสาวตนมีอาการเครียดมาก ร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะสงสารตนที่โดนหลอก ตนทำงานกรีดยางพารา มีรายได้วันละแค่ 300-400 บาท อาชีพอื่นไม่มี เคยสอบถามไปยังหญิงรายนั้น ก็ถูกบ่ายเบี่ยง ถูกโกหกมาโดยตลอด อยากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด
-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/RFfYI6FdxsM