สังคม

ทนายเดือด! เปิดปม 'น้องไนซ์' เชื่อมจิตคุยปูติน อดีตแอดมินเผย แม่น้องยัน "คำสอนน้องไนซ์ถูกต้องที่สุด"

โดย paweena_c

18 ธ.ค. 2566

499 views

กรณีโซเชียลวิจารณ์ถึงกลุ่มเชื่อถือศรัทธาน้องไนซ์ อ้างเชื่อมจิตได้ ทำให้กลุ่มป้องปกน้องไนซ์ ไปยื่นหนังสือ ผบ.ตร. ขณะกลุ่ม 'เค สามถุยส์' และ 'อี้ แทนคุณ' ก็ยื่นหนังสือสอบเส้นทางการเงิน หลังพบเรียกเก็บเงินคอร์สสมาธิเชื่อมจิต จนปะทะคารมกัน

สำหรับต้นเรื่องของน้องไนซ์ ก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อมีคลิปขณะเดินใช้มือแตะหน้าผากลูกศิษย์ หรือผู้ที่นับถือหลากหลายช่วงวัย เพื่อเป็นการเชื่อมจิต แล้วก็เงียบไป

ต่อมา 3 ธันวาคมที่ผ่านมาก็มีคนพูดถึงน้องไนซ์ อีกครั้งเมื่อโลกโซเชียล เผยแพร่คลิปบรรยากาศงานวิปัสสนา สอนธรรม และเชื่อมจิตของน้องไนท์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภูเก็ต โดยผู้เข้าร่วมงานจะแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว ฟังคำสอนธรรม นั่งสมาธิวิปัสสนา และเวิร์กช็อป โดยมีน้องไนซ์ เป็นผู้สอนธรรม รวมถึงการเชื่อมจิต เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งน้องไนซ์จะใช้สองนิ้วแตะที่หน้าผากของตัวเองแล้วแผ่ออกไป

นอกจากนี้ยังมีคลิประหว่างที่น้องไนซ์ยกแก้วน้ำ ราดไปที่หัวผู้ที่ศรัทธา ซึ่งมีอายุมากกว่าจนหมดแล้ว เหมือนเป็นการให้พร ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "นิรมิตเทวาจุติ" เผยแพร่คลิปขณะน้องไนซ์ รดน้ำบนหัวลูกศิษย์ พร้อมคำบรรยายว่า คำอธิษฐานจิตบุคคลที่ถูกรดน้ำ "ผมอธิษฐานจิตในใจว่า ขอบารมีองค์เพชร ช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีที่ค้างคาอยู่ในจิตใจ หรือสิ่งที่แฝงอยู่ ท่านก็หันมาแล้วก็เอาน้ำมารดหัวผม ผมนึกได้เลยว่า ท่านกำลังรดน้ำมนต์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากจิตใจ ออกจากร่างกาย ผมรู้สึกว่าโล่งโปร่งสบายมากเลยตอนนี้" โดยมีคนที่นับถือเข้ามาสาธุ

ขณะเดียวกัน ก็มีเพจข่าวต่างๆ แชร์ข้อมูล การเข้าร่วมกิจกรรมกับน้องไนซ์มีค่าใช้จ่าย โดยแบ่งเป็น 4 คอร์ส คอร์สที่ 1 ราคา 1,900 บาท ไม่รวมที่พัก มีกาแฟและอาหารกลางวัน, คอร์สที่ 2 ราคา 3,000 บาท รวมที่พัก 1 คืน พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า, คอร์สที่ 3 ราคา 4,100 บาท รวมที่พัก 2 คืน พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า, คอร์สที่ 4 ราคา 4,200 บาท รวมที่พัก 2 คืนต่อคน รวม อาหารเช้า ห้องมาตรฐาน 1 ห้อง พักได้ 2 คน รวมค่าเดินทางรถบัส หากจะพักคนเดียวเพิ่ม 1,200 บาท

หลังจากที่มีการแชร์ข่าวของน้องไนซ์ออกไป ก็ทำให้ทนายธรรมราช สาระปัญญา พร้อมกลุ่มสนับสนุน น้องไนซ์ เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่อ้างเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช สามารถเชื่อมจิตได้ และลูกศิษย์ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ขอให้ตรวจสอบกลุ่มคนที่บิดเบือนข้อเท็จจริง โจมตีน้องไนซ์ และขอให้ช่วยคุ้มครองเยาวชนด้วย

โดยทนายธรรมราช บอกว่า ช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลพยายามเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง เรื่องของคำสอนน้องไนซ์ลงในโซเชียล และหยิบข้อมูลขึ้นมาโจมตี ทั้งเรื่องเกี่ยวกับคำสอนและการหลอกลวงเงิน ส่วนตัวมองว่าคำสอนของน้องไนซ์เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องของการเรียกเก็บเงิน เป็นส่วนของผู้จัด ที่ทำหน้าที่ดำเนินการ เพราะมีค่าใช้จ่าย เรื่องสถานที่ ค่าอาหาร ที่พัก ตัวน้องไนซ์ เป็นเพียงวิทยากร ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ส่วนที่เห็นภาพน้องไนซ์รับเงิน ยอมรับว่าเป็นการรับเงินจริง แต่ภายหลังก็ส่งต่อไปสมทบในการสร้างสถานปฎิบัติธรรม

ส่วนที่มีคนสงสัยว่าการเชื่อมจิต คืออะไร ทนายธรรมราชบอกว่า เป็นวิธีการช่วยของคนที่มีวิปัสสนากรรมฐานสมาธิแล้วมีปัญหาติดขัด น้องไนซ์จะเชื่อมจิตไปช่วย ส่วนประเด็นที่ในโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่น้องไนซ์ถอดจิตคุยกับปูติน ยืนยันว่าน้องไนซ์มีเจตนาที่จะไปเผยแพร่และพุทธศาสนาในยุโรปและรัสเซีย ซึ่งเป็นแผนอนาคต ว่าหากมีโอกาสจะเข้าไปพูดคุยกับปูติน ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต แต่คนเอาไปบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด

ทนายธรรมราชบอกอีกว่า มองว่าการปฏิบัติธรรมของน้องไนซ์ ไม่จำเป็นต้องบวชเณร ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนหากมีความสามารถในการสอน ใครก็สามารถสอนได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งกายการแต่งกายหรือการบวช

ส่วนเรื่องเงินที่เปิดรับบริจาค ที่เป็นบัญชีส่วนตัวของนายแพทย์ท่านหนึ่ง ทนายธรรมราชบอกว่า จุดประสงค์นายแพทย์คนนี้ตั้งใจจะรวบรวมเงิน สร้างสถานปฎิบัติธรรม ซึ่งขณะนี้มีการยื่นเรื่องเปิดมูลนิธิแล้วแต่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ยืนยันว่าเงินส่วนนี้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ซึ่งตอนนี้ในบัญชีมีหลายแสนบาท และตอนนี้ก็ยังอยู่ครบ

ส่วนที่มีมีอดีตคนศรัทธาน้องไนซ์ออกมาแฉว่า เข้าไปในกลุ่มโอเพ่นแชทของน้องไนซ์เพราะศรัทธามากว่า 3 ปี แต่ปรากฏว่าพอมีคำถามและข้อสงสัย ในการสอนและการเรียกเก็บเงินกลับถูกดีดออกจากแชท ในส่วนนี้ทนายความ ชี้แจงว่า หญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาในแชทวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากนั้นก็มีพฤติกรรมลักษณะเหมือนเป็นการล่อซื้อ เอาข้อมูลบิดเบือนไปเป็นหลักฐาน เช่น มีการส่งสลิปเงิน ทั้งที่เป็นกลุ่มสอบถามข้อธรรมะ ทำให้แอดมินจำเป็นต้องดีดออกไป

แต่ระหว่างที่มีการแถลงข่าว นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนน้องไนซ์ ได้เข้ามากลางวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับการเรียกรับเงินเรียกรับเงินค่าเข้าฟังธรรมะจริงหรือไม่ และ ข้อสงสัยเรื่องคำสอนของน้องไนซ์ ที่อ้างว่านั่งสมาธิแล้วกรรมตามไม่ทัน เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไหน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการโต้เถียงกัน

ขณะเดียวกัน กลุ่มที่สนับสนุนน้องไนซ์ก็ออกมาบอกว่าหากมีข้อสงสัย ว่าการเรียกรับเงินหรือคำสอนไม่ถูกต้องก็ให้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายเอา เพื่อให้ศาลพิสูจน์ความจริง ก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะยุติการโต้เถียง

ต่อมา เค สามถุยส์ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ในฐานะรักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเศ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เช่นกัน โดยนำหลักฐานการจัดกิจกรรมกลุ่มของน้องไนซ์แนบมาด้วย เพื่อให้ตรวจสอบว่า เข้าข่ายแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบต่อเด็กหรือไม่ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างหลอกลวงว่า มีเด็กอายุเพียง 8 ขวบ มีอภิญญา สามารถเชื่อมจิตจากการใช้เท้าสัมผัส และเก็บเงินคำร่วมงาน ค่าทำบุญต่าง คล้ายกับใช้เด็กเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชน อาจเข้าช่ายผิดพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

พร้อมวอนให้ส่งนิติกรชำนาญการ โดยสนธิกำลังตำรวจ รวมไปถึงสหวิชาชีพสอบปากคำเยาวชน และผู้ปกครอง คณะผู้จัดงาน เพื่อตรวจเส้นทางทางการเงินตามกฎหมาย รวมไปถึงดำเนินคดีกับผู้ปกครอง ฐานปล่อยปละละเลยให้เยาวชนกระทำพฤติกรรมบิดเบือนลบหลู่พระพุทธศาสนา

แต่ระหว่าง​ที่ทั้งสองคนกำลังให้สัมภาษณ์ ทนายของกลุ่มสนับสนุน และกลุ่มศรัทธาน้องไนซ์ ได้เข้ามาตั้งคำถามว่านายแทนคุณนับถือศาสนาอะไร และเป็นชาวพุทธแท้หรือไม่ และมีปากเสียงกันอีกรอบ เรื่องข้อกฎหมายคุ้มครองเด็ก และกลุ่มสนับสนุนท้าให้ไปฟ้องศาล ทำให้สื่อมวลชนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปห้ามปราม

ขณะที่อดีตแอดมินกลุ่มน้องไนซ์ เผยเริ่มต้นจากการศรัทธาในคำสอนของน้องไนซ์และความเฉลียวฉลาด จนได้เข้าเป็นแอดมินคอยผลิตสื่อฯเผยแพร่ทางโซเชียล โดยให้ยึดคำสอนของน้องไนท์เท่านั้นห้ามโต้แย้งและเห็นต่าง

คุณเมย์ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี อดีตแอดมินกลุ่มอาจารย์น้องไนซ์ เปิดเผยกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่าตนเป็นคนที่ชื่นชอบศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรม จึงทำให้ไปเห็นน้องไนซ์จากกลุ่มเฟซบุ๊คสอนธรรมะและทำให้รู้สึกว่า เด็กคนนี้เก่ง ยังเด็กอยู่แต่รู้ธรรมมะและดูดวงได้ เห็นนิมิตต่างๆ จึงเข้าไปอยู่ในกลุ่มนี้ระยะหนึ่ง ก่อนที่น้องไนซ์จะมีการดูดวงให้กับตน แต่ไม่ได้เป็นการดูต่อหน้าเป็นการพิมพ์ข้อความมาบอกและคุยกันทางโทรศัพท์

โดยตอนนั้น น้องไนซ์บอกกับว่าตนเป็นลูกเจ้าแม่กวนอิม จึงทำให้เป็นคนที่มี ความใฝ่รู้ใฝ่เรียนธรรมะ ซึ่งก็มองย้อนกลับไปตอนที่แม่ตั้งท้องแม่ก็แพ้เนื้อสัตว์กินได้แต่ มังสวิรัติยิ่งทำให้เชื่อว่า น้องไนซ์ดูดวงได้และแม่นจริง

จากนั้นก็ได้รับการติดต่อจาก แม่นก แม่ของน้องไนซ์ บอกให้ตนมาทำหน้าที่เป็นแอดมินหรือเป็นตัวแทนของน้องไนซ์ ในการเผยแพร่คำสอน

เมย์ บอกว่าจะต้องมีหน้าที่ทำตัดคลิปโพสต์ลงโซเชียลและต้องคอยตอบคำถามปัญหาธรรมให้กับผู้ที่สอบถามเข้ามา

ซึ่งบางครั้ง เมย์ ตอบปัญหาธรรมด้วยหลักคำสอนตามพระพุทธศาสนาที่เล่าเรียนมาหรือคำสอนของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆมาตอบให้กับผู้สงสัย ปรากฏว่าก็ได้รับการตำหนิติเตียน จากทางแม่ของน้องไนซ์ ว่าตอบปัญหาธรรมด้วยคำสอนของครูบาอาจารย์ท่านอื่นไม่ได้ มันผิด เพราะสิ่งที่ถูกต้อง คือคำสอนของน้องไนซ์เท่านั้น เพราะน้องไนซ์เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า

นอกจากนี้ เมย์ ยังบอกอีกว่า ตนเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นแอดมินต่ออีกประมาณ 6 เดือน ยิ่งทำให้เห็นว่า บางคำถามปัญหาธรรมะ ที่มีคนถามเข้ามา บางครั้งเคยนำกลับไปถามกับตัวน้องไนซ์เพื่อให้ตอบขยายความเพิ่มเติม ปรากฏว่าน้องไนซ์ไม่สามารถตอบได้ และส่วนใหญ่น้องไนซ์จะตอบได้เพียงประโยคสั้นๆ แต่ข้อความที่ตัวเองได้รับเพื่อทำการเผยแพร่ในโซเชียลบางทียาวเป็นหน้ากระดาษ A4

คุณเมย์ บอกว่า สุดท้ายจุดแตกหักต้องเลิกเป็นแอดมินให้กับกลุ่มน้องไนซ์ เนื่องจากใน Facebook ส่วนตัวของคุณเมย์ มีการโพสต์ภาพชุดว่ายน้ำที่ไปเที่ยวส่วนตัว ทำให้แม่นก (แม่น้องไนซ์) ตำหนิหรือว่าทำพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำให้เสียภาพลักษณ์น้องไนซ์ที่เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เสื่อมเสีย

ส่วนสมาชิกคนอื่นในกลุ่มและแอดมินที่ยังเชื่อและศรัทธาแรงกล้า ก็ต่อว่าคุณเมย์ ว่า กระแสจิตเริ่มตกต่ำทำให้มีพฤติกรรมแบบนี้ สุดท้ายน้องไนซ์มีคำสั่งให้ปลด คุณเมย์ จากการเป็นแอดมิน

นอกจากนี้ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ได้รับการเปิดเผยจาก อาจารย์นัท มีอาชีพเป็นหมอดู รับดูดวงทั่วไป โดยอาจารย์นัดบอกว่าตนเองได้รู้จักกับแม่ของน้องไนซ์ เมื่อหลายปีก่อนโดยแม่ของน้องไนซ์ ติดต่อเข้ามาขอดูดวง ตนก็ดูดวงให้ปกติ หลังจากนั้นเริ่มพูดคุยสนิทสนมกันมากขึ้น โดยแม่ของน้องไนซ์ บอกกับตนว่าคือ พี่น้องสายญาณพยานาคกับน้องไนซ์

ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นพี่น้องสายญาณพยานาคอะไรกับน้องไนซ์ อะไรเลย แต่ก็ยังพูดคุยสนิทสนมกันเรื่อยมา เนื่องจากเป็นการสนทนาธรรม นั่งสมาธิ ซึ่งเรื่องนี้ตนรู้สึกโอเค เพราะไม่ได้ผิดเพี้ยนอะไรมากไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้นก่อตั้งกลุ่มขึ้น มีสมาชิกที่เข้าร่วมกลุ่มนับสิบคน

นอกจากสนทนาธรรมสอนนั่งสมาธิก็มีการรับรู้ด้วย ให้กับสมาชิกด้วย โดยแม่ของน้องไนซ์จะส่งรูปคนที่ขอให้ดูดวงมาให้ตนดู พอตนทำนายไป แม่ของน้องไนซ์ก็จะบอกว่า ตรงกับที่น้องไนซ์ทำนายไว้และนิมิตเห็น ทำให้ตนสังเกตเห็นว่า คำทำนาย ที่แม่น้องจะส่งให้สมาชิก มันเป็นประโยคและข้อความเดียวกันกับที่ตนส่งไปให้กับแม่น้อง

กระทั่งต่อมาเริ่มมีการใช้ คำว่า "ดูวาระจิต" โพสต์และโฆษณาเชิญชวนทาง facebook ซึ่งตนก็เคยทักท้วงไปแล้วว่า เป็นการใช้คำหรือวาทกรรมที่ดูวิเศษเกินไป แต่แม่น้องไนซ์ก็ไม่สนใจที่ตนท้วงติงไป

ต่อมาได้จับพิรุธได้ เนื่องจากมีอยู่วันหนึ่ง แม่น้องไนซ์ส่งรูปคนที่รับดูดวงมาให้ดูตามปกติซึ่งจะรับดูวันละ 1 คนตอน 3 ทุ่ม แต่ตนติดธุระอยู่พอดี จึงบอกไปว่า ให้น้องไนซ์ดูดวงให้สมาชิกได้เลย แต่แม่ของน้องไนซ์ ตอบกลับมาว่าน้องไนซ์หลับแล้ว แต่ตนไปเห็นในกลุ่มไลน์ มีสมาชิกสอบถามปัญหาธรรม แม่ของน้องไนซ์เข้ามาตอบและบอกว่า น้องไนซ์ตอบมาแบบนี้ๆ ตนเองก็รู้สึกแปลกใจ

กระทั่งระยะหลังเริ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกันโดยเฉพาะเรื่องหลักธรรมคำสอนต่างๆในหลักพระพุทธศาสนา ที่มองแล้วว่าเป็นการผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง และหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าสอนให้ บรรลุนิพพาน คือ ตัดและปล่อยวาง ไม่ใช่ยึดมั่น ถือมั่น เหมือนที่น้องไนซ์สอนอยู่ให้ยึดตึดกับความวิเศษ ซึ่งตนก็โต้แย้งไปไม่ได้ ห้ามโต้แย้ง เพราะแม่น้องจะบอกเสมอว่า หลักธรรมคำสอนของน้องไนซ์ ถูกต้องที่สุด


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/tz7I_mnvJVY

คุณอาจสนใจ

Related News