สังคม

ตา 74 พิการสายตา ถูกนายหน้าหลอกขายบ้าน จะถูกยึดไม่มีที่อยู่

โดย chawalwit_m

27 มี.ค. 2567

166 views

คุณตาวัย 74 ปี ตระเวนขอความช่วยเหลือหลังคนที่อ้างว่ารับจำนองบ้านโทรบอกให้เตรียมเก็บข้าวของออกจากบ้านเพราะเพื่อนบ้านที่รับปากจะช่วยหาแหล่งจำนองบ้านเพื่อปลดหนี้ แต่กลับหลอกเอาบ้านไปขายและเอาส่วนต่างไปทิ้งหนี้ไว้ จนเจ้าหนี้ที่ซื้อบ้านจะเข้ายึดบ้านในเดือนหน้า



วันนี้ 27 มี.ค. 67 นายบัญชา ตันตา ญาติของคุณตาสุพรรณ ศรีใจสาร อายุ 74 ปิ ซึ่งเป็นผู้พิการสายตาเพราะเป็นต้อกระจกและแขนขาด้านขวาอ่อนแรง พักอยู่ที่บ้านในตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ปัจจุบันมีอาชีพค้าขายพระเครื่องเลี้ยงครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกัน 4 คนคือ คุณตาสุพรรณ ลูกสาว หลานและเหลน ซึ่งลูกสาวและหลานสาวก็รับจ้างทั่วไปหาเช้ากินค่ำ



คุณตาสุพรรณ ได้พาลูกและเหลนตระเวนขอความช่วยเหลือไปยังสถานที่ต่างๆตั้งแต่เช้า โดยเข้าไปนั่งรอขอพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางยังไม่เข้ามา จึงมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน


โดย คุณตาสุพรรณ ศรีใจสาร อายุ 74 ปี เล่าว่า เมื่อปี 2561 ตนได้นำบ้านพร้อมที่ดินไปจำนองไว้ รวมเป็นเงิน 965,027 บาท เพราะต้องการนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ และจากนั้นมาก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพจึงยังไม่มีเงินไปไถ่บ้านคืน ตนเองก็กังวลใจมากเพราะยังไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนที่จะไปไถ่บ้านออกมา



อยู่มาวันหนึ่งนายเนตร ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทราบว่าตนเองมีปัญหาและกำลังต้องการความช่วยเหลือจึงได้ยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยไปปิดบ้านและไถ่บ้านออกมาให้เพราะมีเงินอยู่หนึ่งแสนกว่าบาท ส่วนที่เหลือค่อยหาแหล่งเงินเอาบ้านไปจำนองใหม่



โดยนายเนตรอ้างว่าได้งานก่อสร้างโครงการใหญ่ในจังหวัดเชียงราย หากนำบ้านไปจำนองแล้วตนเองจะขอยืมเงินส่วนหนึ่งเพื่อไปทำสัญญาและประมาณ 2 เดือนก็จะได้เงิน ถึงเวลานั้นตนเอง(นายเนตร)จะมาไถ่บ้านคืนให้พร้อมบอกว่าจะเป็นคนจ่ายดอกเบี้ยแทนให้ทั้งหมดไม่ต้องเป็นห่วง



ด้วยความที่ตนเองมีปัญหาอยู่แล้วและเชื่อใจนายเนตรจึงได้ตกลง จากนั้นนายเนตรได้พานายหน้าที่ดินมาถ่ายรูปบ้าน พร้อมกับคนที่จะซื้อมาดูบ้าน และไม่นานนายเนตรก็มาบอกตนว่าหาแหล่งเงินที่จะเอาบ้านไปจำนองได้แล้วแต่ตนขอวงเงินสามแสนห้า เมื่อไถ่หนี้บ้านเสร็จแล้วเงินที่เหลือตนเองจะนำไปทำสัญญาก่อน จากนั้นจึงนัดวันไปทำสัญญา


ซึ่งระหว่างนั้นคุณตาไม่ได้เล่าเรื่องราวดังกล่าวให้ลูกหรือหลานฟัง เพราะนายเนตรจะเข้ามาพูดคุยสองคน แม้กระทั่งวันที่ไปทำสัญญาที่สำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 นายเนตรก็มารับตนเองไปเพียงลำพังไม่ให้ใครไปด้วย และเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นต์เอกสารและเรียกเข้าไปสอบถามเพื่อทำสัญญาซื้อขาย ตนเองยังยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองต้องการจำนองไม่ได้ซื้อขาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เรียกตนเองเข้าไปคุย 2 ครั้งตนเองก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ต้องการจำนองบ้าน



กระทั่งนายเนตรได้คุยกับนายพงษ์ ที่เป็นผู้ซื้อ ซึ่งตนเองเข้าใจว่าเป็นผู้รับจำนอง ได้เข้ามาคุยกับตนเองและจากนั้นนายเนตรได้เขียนสัญญาขึ้นมาในกระดาษเปล่าว่าจะซื้อบ้านคืนให้ตนเองภายในสองเดือนแน่นอน โดยมีนายพงษ์เป็นพยานด้วย แต่ขอให้ตนเองเซ็นชื่อเพื่อขายบ้านหลังนี้ไปก่อน จึงทำให้ตนเองมั่นใจว่านายเนตรจะซื้อบ้านคืนให้แน่นอน แต่หลังจากเซ็นชื่อพยานต่างๆแล้วตนเองก็ไม่ได้เอกสารแผ่นนั้นกลับมาแต่อย่างใด


หลังได้รับเงินจากนายพงษ์ นายเนตรอ้างว่าต้องจ่ายหนี้เดิมเก้าหมื่นกว่า และต้องจ่ายค่าอื่นๆอีกหกหมื่นกว่าบาททำให้เงินสดเหลือเพียง 165,700 บาท เท่านั้น และมอบเงินสดให้คุณตาอีกสามหมื่นบาทแม้คุณตาจะขอเพิ่มแต่นายเนตรก็ไม่ยอมให้ และเงินที่เหลือ 125,700 บาท นายเนตรได้เอาไปทั้งหมดพร้อมหักจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าไปด้วยอีก 2 เดือน โดยอ้างว่าจะนำไปทำสัญญาและจะรับผิดชอบดอกเบี้ยให้ทั้งหมดจนกว่าจะมาซื้อบ้านคืนให้



ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็เข้าใจว่านายเนตรจะไปจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้รับจำนองและคงไม่มีปัญหาหากนายเนตรทำงานก่อสร้างเสร็จก็จะมาซื้อบ้านคืนให้แต่ เมื่อวานนี้ ( 26 มีนาคม) นายพงษ์ ได้มาหาตนและบอกว่าขอให้ตนเองพร้อมครอบครัวเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้านเพราะจะครบกำหนดวันที่ 16 เมษายน นี้ เพราะตั้งแต่รับเงินไปนายเนตรไม่ยอมมาจ่ายดอกเบี้ยหรือติดต่อมาอีกเลย จึงจำเป็นจะต้องยึดบ้านเพราะได้ซื้อบ้านไว้แล้ว



ทำให้ตนเองร้อนใจมากพยายามติดต่อนายเนตรแต่ก็ติดต่อไปไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ขอให้นายบัญชา ซึ่งเป็นญาติมาช่วยเหลือพาตระเวนขอความช่วยเหลือเพราะตนเองและครอบครัวมีบ้านเพียงหลังเดียว ถ้าจะให้ซื้อบ้านใหม่ก็คงไม่มีปัญญาแล้ว และต้องการให้นายเนตรกลับมารับผิดชอบ และอยากขอร้องผู้รับซื้อถ้าหากบริสุทธิ์ใจจริงก็คงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองไม่มีเจตนาจะขายบ้านแต่ต้องการจำนองไว้เท่านั้น ดังนั้นอยากขอโอกาสให้ทางครอบครอบหาเงินมาไถ่คืนด้วยเพราะตนเองกับลูกหลานเหลนไม่มีที่อยู่แล้ว



ด้านลูกสาว เล่าว่าที่ผ่านมาตนเองกับพ่อไม่ค่อยพูดคุยกัน นายเนตรมักจะเข้าไปคุยกับพ่อเอง และพ่อก็ไม่เคยปรึกษาอะไรกับลูกหลาน หากเรื่องไม่แดงก็คงไม่ทราบ



ส่วนนายบัญชา ตันตา บอกว่า จากที่คุณลุงมาขอให้ช่วยเหลือนั้นได้เอกสารและจากหลักฐานหลายอย่างเข้าใจได้ว่าคุณลุงโดนนายเนตรหลอก อาจจะมีคนอื่นสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือคุณลุงไม่มีเจตนาขายบ้านแค่เพียงต้องการนำไปจำนองไว้เท่านั้น ซึ่งก็ได้ช่วยพาคุณลุงไปร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้มีการไกล่เกลี่ยกัน และจะพยายามหาช่องทางเพื่อให้หาเงินมาใช้ในส่วนของคุณลุงที่เอามา ส่วนนายเนตรก็ต้องมารับผิดชอบในส่วนของตนเองและกลับมาเอาบ้านคืนคุณลุงให้ได้ ซึ่งหากเจรจาไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ก็คงต้องพึ่งศาลเพราะทางสำนักงานยุติธรรมพร้อมช่วยเหลือด้านทนายไว้ให้แล้ว


อย่างไรก็ตามมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องแทน และได้มีการพาไปยื่นเรื่องที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิจังหวัดลำปาง สำนักงานยุติธรรมจังหวัดลำปาง ก่อนที่จะไปยื่นเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองลำปางต่อไป



คุณอาจสนใจ

Related News