อดีตนายกฯชาวนาไทย ถูกหลอกขายบ้าน ปล่อยทิ้งศูนย์คนชรา เมียใหม่ปัดไม่รู้เรื่องโบ้ยถามลูกน้องเก่า

ลูกชายอดีตนายกชาวนาไทยร้อง หลังพ่อถูกเมียใหม่เอาไปจำนอง ถูกประกาศขายบ้าน 25 ล้านบาท จนหมดตัว น้องสาวช็อกหลังรู่ว่าพี่ชายถูกปล่อยทิ้งอยู่ศูนย์คนชรา

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับ นายเจมส์ อายุ 37 ปี ลูกชายของนายประสิทธิ์ บุญเฉย อายุ 78 อดีตนายกสมาคมชาวนาไทย เดินทางมาที่ สภ.ไทรน้อย เพื่อลงบันทึกประจำวันหลังจากตนเองทราบว่า จู่ๆบ้าน 3 ชั้นพร้อมที่ดินของพ่อย่านไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ถูกประกาศขายในราคา 25 ล้านบาท

หลังจากไปตรวจสอบเอกสารที่กรมที่ดินพบว่า มีการขายฝากกับบุคคล บุคคลหนึ่ง ซึ่งบ้านพร้อมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรส เป็นสมบัติของพ่อและแม่ของตน แต่ในเอกสารพบว่าลายเซ็นและลายมือไม่ตรงกับลายมือของแม่

นายเจมส์ บอกว่า น่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นของแม่ เพราะตอนที่ทำการขายฝาก ปี 2565 ช่วงนั้นแม่ของตนป่วยหนักนอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่โรงพยาบาลไม่สามารถที่จะเซ็นเอกสารต่างๆได้ และเมื่อนำลายมือจริงๆของแม่มาเทียบกับเอกสารสัญญาการขายฝากก็ไม่เหมือนกัน

ซึ่งการทำนิติกรรมขณะนั้น มีนางสาวพัด (นามสมมติ) ภรรยาใหม่ของพ่อเป็นคนดำเนินการ และหลังจากที่แม่ตนเสียชีวิต ตนก็ไม่ค่อยไม่ได้เจอกับพ่อ เพราะพ่อย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี จนกระทั่งตนมาทราบอีกที คือ บ้านพร้อมที่ดินของพ่อที่อำเภอไทรน้อย มีการประกาศขายและราคาพุ่งไปถึง 25 ล้านบาท

ส่วนตัวพ่อ ตนก็พยายามติดต่อ ก่อนจะทราบว่า พ่อถูกพาไปทิ้งไว้ที่ศูนย์คนชราในจังหวัดสระบุรี โดยภรรยาใหม่ของพ่อเป็นคนพาไปและมีการค้างค่าใช้จ่ายอยู่ด้วยกว่า 100,000 บาท ซึ่งตนจะต้องการพาพ่อออกจากศูนย์ฯ แต่ก็ต้องหาเงินไปจ่ายก่อน ซึ่งทรัพย์สิน เงินทองของพ่อตอนนี้ไม่มีเหลือสักบาท

และหลังจากที่เป็นข่าว คุณพัช ภรรยาใหม่ของพ่อได้ติดต่อมาหาตนเองด้วย อ้างว่า ไม่รู้เรื่องที่มีการประกาศขายบ้านและไม่รู้เรื่องอะไรเลย หนำซ้ำยังบอกกับตนว่า ดีแล้วที่ที่ทำให้เป็นเรื่องเป็นข่าว จะได้ทวงความเป็นธรรมให้กับพ่อ

ด้านคุณอ๋อย น้องสาวของนายประสิทธิ์ เดินทางมาที่สภ.ไทรน้อยด้วย หลังจากเห็นข่าวพี่ชาย ตนก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อนเพราะหลังจากที่พี่ชายมีภรรยาใหม่ ก็ไม่ค่อยได้เจอได้ติดต่อกัน เพราะคิดว่าพี่ชายย้ายไปอยู่สุพรรณบุรีกับภรรยาใหม่คงมีชีวิตที่ดี ก่อนหน้านี้พี่ชายมีทรัพย์สินเงินทองมีที่ดินมากมาย และมีคนรู้จักนับหน้าถือตาเพราะเป็นนายกสมาคมชาวนาไทย

แต่พอตนได้เห็นข่าวว่า มีการประกาศขายบ้านพร้อมที่ดินและเห็นภาพพี่ชายนอนป่วยติดเตียง มีสายออกซิเจนประโยง ระยาง ตนรู้สึกเสียใจมากว่า ทำไมภรรยาใหม่ของพี่ชายถึงต้องเอาพี่ชายตนไปทิ้งไว้แบบนั้น และหากการขายบ้านพร้อมที่ดินของพี่ชายไม่ถูกต้องตนอยากให้หลานเจมส์เดินหน้าเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้มีโอกาสได้คุยกับนางสาวพัช นามสมมุติ ภรรยาใหม่ของนายประสิทธิ์ บอกว่า ตนเคยเป็นคนที่ทำงานอยู่กับนายประสิทธิ์ตั้งแต่สมัยยังเป็นนายกสมาคมชาวนาไทย หลังจากนั้นได้คบหาและเปิดตัวเป็นสามีภรรยากันประมาณ 3 ปี ตอนนั้นภรรยาเก่าของนายประสิทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ ตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องทรัพย์สินเงินทองอะไรของนายประสิทธิ์

กระทั่งประมาณปี 2565 ภรรยาเก่าของนายประสิทธิ์เสียชีวิต ก็ไม่มีใครดูแลนายประสิทธิ์ เหลือเพียงตนที่ยังดูแลนายประสิทธิ์ และตนก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการขายฝากบ้านพร้อมที่ดินหลังดังกล่าว

ตนจึงตัดสินใจพานายประสิทธิ์มาอยู่ที่บ้านตนในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งตอนนั้นนายประสิทธิ์ไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรติดตัวมาเลย ตนต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูคนเดียวมาโดยตลอด และนายประสิทธิ์เริ่มเจ็บป่วยติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ตนก็ดูแลไม่ไหว จึงพานายประสิทธิ์ไปอยู่บ้านพักคนชราในจังหวัดสระบุรี

และยอมรับว่ามีการค้างค่าใช้จ่าย 3 เดือน ประมาณ 70,000 บาท เพราะไม่มีเงิน ส่วนเรื่องเงินที่ได้จากการขายฝากบ้านพร้อมที่ดิน 15 ล้านบาท ตนไม่เคยรู้เรื่องและไม่เคยได้รับเงินสักบาทเดียว ถ้าอยากรู้ต้องไปถามนายชาคริต ลูกน้องเก่าของนายประสิทธิ์ ที่เป็นคนจัดการ

วันนี้ตนอยากให้สังคมเข้าใจว่า ตนไม่ได้หลอกเงินและทรัพย์สินของนายประสิทธิ์จนหมดตัว ตามที่ถูกกล่าวหา


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/GD2DloRysBs