ทนายคู่กรณีเผย ‘ผู้ตาย’ เครียดลาโลก เหตุ ‘เจ้าของบ้านตัวจริง’ ใช้สื่อกดดัน ไม่ใช้กฎหมายเจรจา

ทนายความ เผย “ผู้ตาย” บ้านอ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ตัดสินใจลาโลกเพราะเครียด “เจ้าของบ้านตัวจริง” ใช้สื่อกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือใช้ข้อกฎหมาย ประกอบกับมีโรคประจำตัวร้ายแรง

หลังจากที่มีรายงานว่า คู่กรณีบ้านอากู๋ย่านรามอินทรา อ้างสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ผูกคอลาโลก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ต่อมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความบ้านอากู๋ (เจ้าของบ้าน) ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า “ผมได้แจ้งให้อากู๋ทราบแล้วอากู๋ถึงกับช็อก และขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิต ของผู้บุกรุก และขออโหสิกรรม”

มีรายงานว่าผู้ตายเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ที่ถูกนายซันและนางสาวอาย ซึ่งเป็นหลานของอากู๋ ฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ หลังร่วมกับพวกเข้าไปยึดบ้านของอากู๋ ที่ภายในซอยรามอินทรา 58 แล้วมีการดัดแปลงบ้านหลายอย่าง เช่นทุบผนัง เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำครัว โดยที่ล่าสุดผู้ตายเพิ่งถูกนำตำรวจตัวไปส่งฟ้องกับพนักงานอัยการมีนบุรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ล่าสุดทนายวัฒนา ทนายความของ 5 ผู้ต้องหา ที่เป็นคนเข้าไปครอบครองปรปักษ์ ระบุว่า เบื้องต้นที่ผ่านมาผู้เสียชีวิต เคยมีการบ่นกับคนรอบตัว และมาปรึกษาตนเองว่ามีความเครียดจากคดีที่เกิดขึ้น ประกอบกับมีโรคประจำตัวร้ายแรง ที่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นโรคอะไร

โดยสาเหตุของการเครียดในครั้งนี้ เนื่องจากทางเจ้าของบ้านตัวจริงมีการใช้สื่อนำเรื่องดังกล่าว และใช้สื่อกดดัน แทนที่จะใช้การเจรจาหรือใช้ข้อกฎหมาย โดยต่อจากนี้จะต้องพูดคุยกับ กับทางญาติรวมถึงลูกความคนอื่นๆ ถึงขั้นตอนการดำเนินการทางคดีต่อ แต่ละส่วนของคดีอาญาที่เกิดขึ้นกับผู้เสียชีวิตก็ถือว่าสิ้นสุดลงเพราะผู้เสียชีวิตเสียชีวิตไปแล้ว

รายละเอียดของกรณีดังกล่าว ตำรวจ สน. คันนายาว เข้าตรวจสอบภายในบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ถนนกาญจนาภิเษก หลังรับแจ้งว่ามีผู้หญิงผูกคอตายในบ้าน โดยจากการเข้าไปตรวจสอบของตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์ พบร่างของผุ้เสียชีวิตนางสาวภานุมาส สามัคคี อายุ 52 ปี อยู่ที่บริเวณห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน

ญาติของผู้เสียชีวิตบอกว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้ออกไปซื้อของข้างนอกและกลับมาตอน 8 โมงเช้า และได้ตะโกนเรียกผู้ตายแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

จึงเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 พบว่าห้องนอนผู้ตายล็อกประตู จึงปีนหน้าต่างออกมาทางระเบียง และพบร่างผู้ตายผูกคออยู่ที่ห้องน้ำภายในห้องนอน จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปและทำการปั้มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเปิดเผยว่า เมื่อไปถึงที่ห้องนอนชั้น 2 ก็พบร่างผู้ตายอยู่ที่พื้นห้อง โดยเมื่อไปถึงก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียชีวิตก่อนที่ตนมาถึงประมาณ 4 ชั่วโมง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ร่างของผู้เสียชีวิตไปที่ สน.คันนายาว เพื่อทำบันทึกต่าง ๆ ซึ่งหากเสร็จเรียบร้อยก็จะนำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจต่อไป พร้อมกับประสานญาติมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตในครั้งนี้

https://youtu.be/kZKyGLkWP7I