สังคม

โผล่อีก! หญิงวัย 76 ถูกชาวบ้านครอบครองปรปักษ์ที่ดิน

โดย nutda_t

8 มี.ค. 2567

493 views

ที่สำนักงานกฎหมายทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซอยรามอินทรา 52/1 กรุงเทพมหานคร เจ้าของที่ดิน 600 กว่าตารางวา หรือ 1 ไร่กว่า ย่านห้าแยกปากเกร็ด ติดกับเคหะฯปากเกร็ด จ.นนทบุรี บรรพบุรุษซื้อที่ดินทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2503 จนมาถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ก็มีการจ่ายภาษีที่ดินทุกปี ไปล้อมรั้วรางวัดแนวเขตตลอด แต่วันนี้ต้องเดินทางเข้าร้องทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้ช่วย หลังถูกชาวบ้านเข้ายึดที่ดินมรดก เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และเคยแจ้งความ สภ.ปากเกร็ด หลายครั้ง แต่คดีไม่คืบ

โดย ป้าแจ๋ว อายุ 76 ปี ผู้เสียหายบอกว่า ตนเองและพี่สาวได้ที่ดินมรดกตกทอดมาจากแม่ 1 ไร่กว่า แบ่งคนละครึ่ง จะได้อยู่ละ 300 กว่าตารางวา ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ดินตาบอด เพราะมีหมู่บ้านจัดสรรและเคหะฯมาสร้างปิดซ้าย ขวา ต้องเข้าออกผ่านทางการเคหะฯ หรือเดินผ่านที่ดินของคนอื่น

ซึ่งตนเองและพี่สาว ให้กรมที่ดินเข้ามาทำการรังวัดอยู่ตลอด จนกระทั่งมาพบว่า ที่ดินตนเองถูกบุกรุก โดยใครก็ไม่รู้ มาสร้างกระต๊อบ เพิงพักสังกะสี ทำเป็นที่อยู่อาศัย ตนเองและพี่สาว แจ้งความดำเนินคดีตลอด ปี 49 , 59 , 65 และ 66 แจ้งความที พวกที่บุกรุกก็หายไป แต่พอกลับมาดูอีกทีกลับพบว่า จำนวนเพิงพักสังกะสีมันเพิ่มขึ้น จนล่าสุดปี 2566 ที่ตนเข้าแจ้งความพบว่ามีเกือบ 10 หลัง ที่เข้ามาบุกรุกที่ดินของตนเองและพี่สาว รอบนี้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว แต่ไม่เป็นผล

เนื่องจากผู้บุกรุก สู้กลับ ยื่นคำร้องครอบครองปรปักษ์ อ้างว่าได้เข้ามาอยู่ในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ปี 2530 ตนเองและพี่สาวถึงกับงง ว่าเข้ามาอยู่ตั้งแต่ 30 ได้ยังไง เพราะตอนปี 30 และ 35 แม่ตนเองยังให้กรมที่ดินไปรังวัดเขตแดนอยู่เลย และแม่ตนเองก็ล้อมรั้ว ไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้ามาอยู่

ป้าแจ๋ว บอกด้วยว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกเครียดอะไร เพราะที่ดินเป็นของตนเเละน้องสาว ยังไงก็เป็นของเรา ซึ่งไม่ว่าที่ตรงนั้นจะเป็นที่ตาบอด หรือจะเป็นอย่างไร ก็ต้องเอากลับมาให้ได้ เพราะตลอดเวลา ตนก็ได้มีการเสียภาษีที่ดินทุกอยู่ทุกปี มีหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งได้มีการเข้าไปวัดสอบเขตอยู่ตลอดเช่นกัน

และเมื่อเดือน ก.พ. 2567 ตนได้เข้าไปประเมินราคาที่ดินทั้งสองแปลง อยู่ที่แปลงละประมาณ 3.4 ล้านบาท ดังนั้น แม้ตนจะไม่เข้าไปประโยชน์ ก็ไม่ได้ละทิ้งที่ดิน โดยตนเองอยากให้คู่กรณีมีสำนึกบ้าง จะสู้คดีให้ดูเป็นตัวอย่าง และมอบหมายให้หลานสาวเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้ว

ขณะที่ ทนายเดชา เปิดเผยว่า ตนเองตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่า นายแอ๊ด - น.ส.วรรณพร ร้องครอบครองปรปักษ์ ที่ดินทั้ง 2 แปลง ซึ่งทั้งคู่นามสกุลเดียว โดยในคำร้องอ้างว่า เข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 30 แต่ทนายเดชา บอกว่า สภาพบ้านที่มาสร้างอยู่เป็นเพิงพักสังกะสี ไม่ได้เป็นสิ่งปลูกสร้างถาวร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ที่อ้างเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 30 แต่กลับเพิ่งมายื่นฟ้องปรปักษ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตนเองมองว่า เหมือนเห็นข่าวบ้านอากู๋แล้วเลียนแบบ จะมาฟ้องปรปักษ์เอาที่ดินของคนอื่น


จึงอยากฝากถึงคนที่เข้าไปครอบครองปรปักษ์ ว่าอะไรที่ไม่ใช่ของตนก็อย่าไปอยากได้ รวมถึงนักกฎหมาย อย่าไปใช้ช่องทางกฎหมาย ฟ้องร้องปรปักษ์ ให้ระวังบาปบุญคุณโทษ และมีจริยธรรม ซึ่งหากมีการตรวจสอบก่อนยื่นคำฟ้องครอบครองปรปักษ์ ก็ต้องรู้ว่าทุกที่ดินมีเจ้าของและการเสียภาษีที่ดินทุกปี ดูอย่างคดีบ้านอากู๋เป็นตัวอย่าง เพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา จึงขอเตือนให้ถอนคำร้องไปดีกว่า

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ทนายเดชา ,ครอบครองปรปักษ์

คุณอาจสนใจ

Related News