สังคม

อ่วม! ตำรวจฟัน 4 ข้อหาหนัก 'สมรักษ์' คู่หูโดนด้วย 2 ข้อหา

โดย panisa_p

13 ธ.ค. 2566

650 views

วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้าหลังร่วมกันประชุมเร่งรัดติดตามคดีที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก พร้อมพวก ในข้อหากระทำอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ก่อนจะประสานให้นายสมรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหา ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา


โดยการประชุมคดีเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพนักงานอัยการ ร่วมกันสอบสวนปากคำ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้เสียหายในคดีอนาจาร โดยได้ทำการสอบปากคำอย่างเป็นทางการจนเสร็จสิ้น ที่สำนักงานอัยการภาค 4


พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคดีว่า คณะพนักงานสอบสวนมีมติร่วมกันในการแจ้งข้อกล่าวหานายสมรักษ์ คำสิงห์ โดยพิจารณาคำกล่าวหาของผู้กล่าวหาและผู้เสียหายแล้ว 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง 2.ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร 3.กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย 4.พยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย


ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 คือ คนขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ให้กับนายสมรักษ์ ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง 2.ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร โดยพนักงานสอบสวนจะทำการออกหมายเรียก และส่งหมายเรียกไปยังภูมิลำเนาของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน โดยผู้ถูกกล่าวหาจะต้องเป็นผู้เซ็นรับเอกสารตอบรับหมายเรียก โดยมีเวลาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันได้รับหมายเรียก หรือจะมาก่อนก็ได้


ซึ่งข้อกล่าวหาที่จะมีการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ส่วนหนึ่งมาจากการสอบปากคำ น.ส.เอ วัย 17 ปี ร่วมกับพยานหลักฐานอื่น ๆ และในวันที่ผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวน จะได้สิทธิ์ในการประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน โดยพิจารณาจากหลักที่ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ที่จะหลบหนีหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News