‘เดชอิศม์’ ยัน ไม่เคยมีคดี-ข้อกล่าวหา หลังถูกสื่อโยง ‘ธุรกิจมืด-เว็บพนัน-น้ำมันเถื่อน-อั้งยี่’

นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจหลังสื่อเปิดโป่งผ่านสกู๊ปข่าวที่เกี่ยวพันกับหลายคดีว่า หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ตนก็ไม่เคยให้ข่าวที่ไหน เพราะเคารพในมติของพรรค เคารพมติ สส. และกรรมการบริหารพรรค รวมถึงเสียงข้างน้อย ก็เลยไม่อยากออกข่าว เกรงจะทำให้พรรคดูไม่ดี แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีการพูดจริยธรรมของนักการเมืองและแคนดิเดตรัฐมนตรี พ่วงด้วยจริยธรรมของสื่อมวลชน จึงจำเป็นต้องออกมาพูดเพราะกระทบกับสิทธิ์ พร้อมเปิดคลิปที่เพจสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ระบุว่า นายเดชอิศม์ ถูกตั้งคำถามจากสังคม โดยเฉพาะชาวใต้ ที่มีภาพถ่ายกับโทนี่ เตียว อาชญากรข้ามชาติ เพราะเป็น ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งที่จีนและมาเลเซีย ซึ่งไทยได้ส่งตัวให้กับทางการจีนแล้ว โดยในเนื้อหาระบุว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ เต็มรูปแบบ ที่ด่านนอก ซึ่งเกี่ยวพันกับเว็บพนัน โดยนายเดชอิศม์ อาจจะเกี่ยวข้องด้วย เพราะมีการถ่ายรูปร่วมกัน เช่น รูปที่งานบวช และนักธุรกิจข้ามชาติคนนี้เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับนักการเมืองภาคใต้

โดยนายเดชอิศม์ ชี้แจงว่า โทนี่ เตียว เป็นนักธุรกิจใหญ่มาจากมาเลเซีย มาอยู่ที่สงขลา เป็นเวลา 10 ปีแล้วโดยมีการลงทุนเป็นพันล้าน ซึ่งมีข้าราชการไปอำนวยความสะดวก ทั้งแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอำเภอสะเดาทุกคน ก็ไปอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ตนซึ่ง เป็นคนสงขลาและเป็นคนไทย นักธุรกิจที่มาลงทุนในจังหวัดหรือในต่างประเทศ เราเป็นคนสงขลามีหน้าที่อำนวยความสะดวก แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย และต้องไม่ทำผิดกฎหมายไทย โดยโทนี เตียว มาอยู่ไทย 10 ปีแต่รู้จักกับตนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาไปบวช ตนก็ไปด้วย ซึ่งตนก็อำนวยความสะดวกต่างๆ ตามวิญญูชนคนสงขลาทั่วไป โดยเขาไม่ได้ทำผิดในเมืองไทยแต่ไปทำผิดกฏหมายต่างประเทศที่จีน วันนี้ ถูกจับส่งไปที่จีน ถ้าผิดกฎหมายไทยจะส่งไปจีนไม่ได้ ต้องลงโทษในประเทศไทยให้จบ จึงชี้ให้เห็นว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโทนี่ เตียว

ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อน แล้วอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของ ปปช. นั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2555 ตนยังไม่ได้เข้ามาเล่นการเมือง จึง งงว่า ส่งเรื่องไป ปปช. ได้อย่างไร ซึ่งข้อเท็จจริงผู้ต้องหาคดีน้ำมันถูกสั่งฟ้องไปหมดแล้ว ชื่อของตนอาจจะอยู่ในกรุ๊ปไลน์ของผู้ต้องหา 50-60 คน ที่ส่งชื่อทั้งหมดไปให้ตรวจสอบเท่านั้นเอง ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึง ป.ป.ช. ขอเอกสาร แต่ ป.ป.ช. ตอบกลับมาว่า แค่รวบรวมเบื้องต้น ยังไม่สามารถส่งมาให้ได้ ก็แค่นี้เอง ไม่มีอะไรใน ป.ป.ช. เลย

ขณะเดียวกัน เพจดังกล่าว ยังได้มีการเสนอข่าวว่า สมัยตนใช้ชื่อเดิม “นายวรวิทย์ ขาวทอง” ถูกดีเอสไอ กล่าวหาว่า เป็นอั้งยี่ซ่องโจร และสมคบกันทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งดีเอสไอส่งให้อัยการสั่งฟ้อง แต่อัยการไม่ฟ้อง ซึ่งทางคดี นายเดชอิศม์ ไม่มีความผิด ก็คล้ายกับคดีของนายพิชิต ชื่นบาน ที่อัยการไม่สั่งฟ้อง แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่า วิญญูชนไม่เชื่อว่า นายพิชิต ไม่ได้กระทำผิด ซึ่งนายเดชอิศม์ ก็จะเป็นไปในลักษณะเกี่ยวกับนายพิชิต

นายเดชอิศม์ ยืนยัน ทั้งชีวิต ไม่เคยต้องคดีอาญา หรือใดๆ ทั้งฆ่าคนตาย ยาเสพติด เพราะถ้ามีคดี ต้องมีหมายเรียก ชีวิตตนมีแค่คดีเดียว คือ ถูก นายนวพล บุญญามณี เรื่องการเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา แต่ถูกยกฟ้อง ซึ่งเป็นการพิมพ์โปสเตอร์วุฒิการศึกษา โดยตนเคยเรียนคณะวิศกรรมที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่จบรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงราม แล้วถูกฟ้อง ทำให้คนเข้าใจว่า จบปริญญา 2 ใบ จึงอยากฝากประชาชนว่า จริยธรรมของนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็สำคัญเช่นกัน ตนมีครอบครัว ภรรยา ลูก เพื่อนฝูง และตนมาจากการเลือกตั้ง ชาวสงขลาเลือกตนมา มีคะแนนอันดับ 1 ทั้ง 2 สมัย ซึ่งหากตนเกี่ยวพันกับคดีต่างๆ คนที่เลือกตนก็เสียหายไปด้วย

“ครอบครัวตน เสียหายยับเยินอยู่แล้ว อยากชี้แจงกับสื่อว่า ตนไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ ขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า คนที่ค้ายาเสพติด เป็นคนชั่วช้า สามาน คบไม่ได้ แต่คนที่ไม่ได้ค้ายา ถูกคนใดคนหนึ่ง สื่อสำนักใดสำนักหนึ่ง ทำให้คนเข้าใจว่า ค้ายา ไอ้พวกนี้ เลวร้ายกว่าพวกค้ายาอีก เพราะพวกนี้ทำลายคน ทำลายสังคม“ นายเดชอิศม์ กล่าว

นายเดชอิศม์ บอกด้วยว่า สื่อ 99% เป็นคนดี มีอยู่ 1% ไม่ว่าจะหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือประโยชน์ใดๆ เพื่อทำร้ายคนอื่น ตนขอความยุติธรรมด้วย เพราะไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีใดๆ

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าตนมีคดีมาตลอดนั้น นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนจะต้องถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ ไปพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว ดังนั้น ให้ไปค้นประวัติได้ ว่าตนไปพิมพ์ลายนิ้วมือที่ไหน หรือไปตรวจสอบที่ดีเอสไอก็ได้ รวมถึงไม่เคยถูกเรียกให้ไปเป็นพยาน

เมื่อถามว่า มีขบวนการเบื้องหลังอะไรหรือไม่ ที่มีข่าวเรื่องคดีต่างๆ จนทำให้สังคมเข้าใจว่า เป็นคนสีเทา โดยนายเดชอิศม์ ยอมรับว่า มีขบวนการอยู่เบื้องหลัง จากตอนแรกที่รู้สึกเฉยๆ แต่กลับจ้องมาที่ตนและ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค พร้อมกันนี้ ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ส่งแค่ 2 รายชื่อ คือตนและนายเฉลิมชัย ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร และสังคมมองตนเป็นคนไม่ดีเลย โดยจากนี้ไป จะดูข้อกฎหมายดำเนินคดี เพื่อรักษาสิทธิ์ และไม่ให้เป็นแบบอย่าง

“ซึ่งตนก็สงสารนักข่าวบางคน เพราะเขาไม่ใช่คนชั่ว แต่ถูกชั่วโดยเจ้านายสั่ง แต่บางคนชั่วโดยสันดานก็มี ก็ต้องดูกัน ถ้าไม่มีเจตนาชั่วจริงๆ ก็ไม่ฟ้องใคร“