สังคม

ญาติผู้ใหญ่ 'น้องวีน' แจงปมดรามา ยันครอบครัวยากจนจริง ชี้การซื้อโทรศัพท์เพราะจำเป็น ด้านการศึกษา

โดย parichat_p

9 ม.ค. 2566

6.8K views

พัทลุง - ญาติผู้ใหญ่ของเด็กออกมายืนยันครอบครัวเด็กยากจน การซื้อโทรศัพท์จำเป็นต้องซื้ออนาคตของลูก เพิ่อรองรับการสื่อสารด้านการศึกษายุคใหม่


ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีที่ นายกันตภณ (น้องวีน) เต่าจันทร์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 9 ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนปัญญาวุธ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้สอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่น่าจะมีปัญหาและอุปสรรคในการศึกษาต่อ เนื่องจากทางครอบครัวที่นางอำภา สังข์ทอง อายุ 42 ปี ผู้เป็นมารดา เป็นสาวม่ายมีฐานะยากจน


ต่อมาทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและสื่อต่างๆได้นำเสนอข่าวดังกล่าวไปยังสาธารณชนในการขอสนับสนุนเงินทุนการศึกษาแก่ “ น้องวีน “ ต่อมามีผู้มีเมตตาจิตทั้งในและต่างจังหวัดได้โดนเงินผ่านบัญชีเข้ามาช่วยเหลือครอบครับน้องวีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้(ที่ 8) ทางครอบครัวของน้องวีนได้ปิดบัญชีการรับบริจาคแล้ว


ทั้งนี้ ทางน้องวีนได้โพสต์ข้อความขอขอบพระคุณผู้มีจิตเมตตาทุกๆคน ทุกหน่วยงาน ที่ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาในการศึกษาต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาในครั้งนี้ โดยน้องวีนจะตั้งใจเรียน และจะนำทุนการศึกษาดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดให้เหมาะสมกับที่ได้รับความเมตตาในครั้งนี้ และขอหยุดรับการบริจาคทุนการศึกษาจากผู้มีเมตตาจิตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


ทางด้าน มูลนิธิมวลมหาประชาชน เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้มอบหมายให้นายทวี ภูมิสิงหราช อดีต สว.พัทลุง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังบ้านพักของน้องวีน เพื่อขอแจ้งความประสงค์ของมูลนิธิฯในการให้การดูแล ช่วยเหลือ ทุนการศึกษาแก่น้องวีนจนจบการศึกษา ในขณะที่โซเซี่ยลออกมาตำหนิว่าครอบครัวนี้จนไม่จริงจนเกิดข่าวฉาวโฉ่ ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น


เมื่อตอนเย็นวันนี้ 9 มกราคม 66 ทางด้านนายพิเชษ พลอยดำ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 241 หมู่ที่ 9 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของครอบครัวดังกล่าวที่เข้าไปแก้ปัญหาของครอบครับดังกล่าว หลังจากที่สอบติดแพทย์แต่ไม่มีทุนศึกษาต่อเป็นคนแรก และนายสมคิด ทองสง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ที่ 5 ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อดีต ผอ.โรงเรียนบางแก้วพิทยาคม อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และ ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้เดินทางมาพบสื่อมวลชน จ.พัทลุง เพื่อให้รายละเอียดเรื่องที่อื้อฉาวดังกล่าว


โดยทางด้านนายพิเชษฯ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากทางญาติๆให้เข้าไปดูแลครอบครัวดังกล่าวดูแลครอบครัวดังกล่าว ก็พบว่าครอบครัวดังกล่าวเป็นครอบครัวที่เปราะบาง เป็นครอบครัวที่ยากจนจริงมีรายได้จากการกรีดยางจ้าง-รับซื้อเศษยางประมาณ 300 – 400 บาท บางวันเงินจะซื้อข้าวสารให้ลูกทั้ง 2 คนก็แทบไม่มี เนื่องมีฝนตกหนักไม่ได้ออกไปกรีดยาง ตนจึงนำเรื่องมาปรึกษากับญาติๆและเพื่อนๆว่าจะช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวอย่างไรบ้าง


ต่อมาก็ได้รับการช่วยเหลือเงินในการไปซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช ฯลฯเพื่อช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว และได้นำเรื่องนี้ขึ้นเฟสบุ๊กของตนเพื่อระดมทุนให้เด็กได้เรียนจบ ม.6 สำหรับเรื่องที่ครอบครัวนี้เครียดหนักก็คือเมื่อลูกสอบติดแพทย์จะเอาเงินที่ไหนไปศึกษาต่อ ซึ่งทั้ง 2 คน ต่างก็กอดคอร้องไห้มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับตนนั้นต้องการให้น้องวีนเรียนจบ ม.6 ไปก่อน ส่วนการศึกษาต่อคณะแพทย์ยังมีเวลาที่จะร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ได้ปรึกษากับผู้มีองค์ความรู้ในการแก้ปัญหาเปราะบางในการแก้ปัญหาสภาพจิตใจของครอบครัวดังกล่าวด้วย


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สังคมดราม่าว่าครอบครัวนี้ไม่จนจริง ซื้อโทรศัพท์เครื่องแพงๆให้น้องวีนนั้น นายพิเชษ กล่าวว่า น้องวีนไม่ได้เรียนพิเศษจากโรงเรียนจากสำนักนักติวเตอร์ มีการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากฮอนไลน์ เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสอบศึกษาต่อคณะแพทย์ตามความมุ่งมั่นและความฝันของเด็กจึงมีความจำเป็นยิ่ง ถึงแม่จะไม่มีเงินก็ต้องหายืมเงินเขามา


โดยมีการผ่อนเป็นงวดๆ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่ออนาคตของลูก การที่สังคมกล่าวโจมตีครอบครัวนี้ที่เปราะบางนั้นเพราะสังคมไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของครอบครัวนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องขอขอบคุณโซเซียลที่ได้ทำให้มีผู้มีเมตตาจิตส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวน้องวีนในครั้งนี้ ส่วนคนที่กล่าวโจมตีน้องวีนเขาคงไม่รู้ว่าความลึกตื้นหนาบางของน้องวีนมันคืออะไร และคงไม่รู้ว่าครอบครัวในวันที่ไม่มีจะกินมันเจ็บปวดขนาดไหน และน้องวีนคือต้นกล้าทางการแพทย์ ตนจึงคิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ว่าครอบครัวของน้องนั้นมีความทุกข์บนความโชคดีที่พี่น้องประชาชนได้รับการแบ่งบันจิตศรัทธามาให้


ทางด้านนายสมคิด เผยว่า ได้มีการพูดคุยกันก่อนในก่อนหน้านี้ที่เงินจากผู้มีจิตศรัทธาจะโอนเงินมาช่วยเหลือ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเงินบริจาคของน้องวีน ประกอบด้วยนายกเทศบาล ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ ตังแทนครู ตัวแทนของครอบครัว โดยตนไม่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว โดยทุกฝ่ายก็รับปากที่จะดำเนินการกันแล้ว ส่วนเงินยอดบริจาคนั้นในขณะนี้มีเงินที่เข้ามาทางระบบบัญชีประมาณ 8 แสนบาทเศษ ส่วนทางอื่นๆตนยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งทุกๆฝ่ายตื่นตกใจกับยอดเงินที่มีผู้จิตศรัทธาโอนเข้ามาช่วยเหลือและได้ปรึกษากับนายพิเชษ ในการปิดบัญชีดังกล่าว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสามารถดูแล เยี่ยวยาครอบครัวได้แล้ว


นายสมคิดฯ กล่าวอีกว่า การที่เขามีโทรศัพท์อะไร เขามีโน๊ตบุ๊กไหมมิได้บ่งบอกว่าเขามีเงิน ถ้าเขามีเงินทำไมเขาจึงไม่มาเรียนในตัวจังหวัด ทำไมเขาจึงไม่ไปเรียนที่โรงเรียนจุฬาภรณ์ เขาเรียน ป.1-2 ที่โรงเรียนวีรนาถศึกษา และไปเรียนที่ขยายโอกาสจนจบ ม.3 แล้วมาเรียนต่อที่โรงเรียนใกล้บ้าน การที่เขามีความพร้อมด้านการสมองแต่ไม่ไปเรียนต่อที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงเพราะเขาไม่มีเงิน การที่เขาไปซื้อโน๊กบุ๊กมาใช้เพราะเขาต้องการนำมาค้นคว้าหาความรู้ เพราะโรงเรียนก็ไม่ได้ช่วยเขาทั้งหมด เขาต้องช่วยตัวเองเพราะเขาตั้งใจจะเป็นหมอ จึงต้องใช้สื่อที่ทันสมัย จนทำให้แม่ต้องเป็นหนี้นับแสนหรือมากกว่านั้น ตนจึงขอฝากไปยังทุกฝ่ายว่าเวลาเราจะพิจารณาใครจะต้องพิจารณาให้รอบด้าน อย่าเอาสิ่งที่ปรากฏหรือคนอื่นบอกกล่าว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้มาคิดเอง ส่วนแม่นั้นก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับยอดเงินดังกล่าวแต่อย่างใด


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงในขณะนี้สังคมโซเซียลกำลังมุ่งทำลายครอบครัวที่เปราะบางดังกล่าว นายสมคิดฯ กล่าวว่า มิใช่สังคมโซเซียลที่ทำร้ายครอบครัวที่ยากจน แต่เป็นโอกาสของคนที่สร้างโซเซียลขึ้นมาเท่านั้น มีนักเขียนคนหนึ่งเขียนว่าวันนี้คนที่เป็นศาสตรจารย์ที่เก่งๆมีโอกาสเท่ากับคนโง่คนหนึ่ง คนโง่คนไหนก็ได้ที่มีสื่อในมือมันจะพูดอะไรก็ได้ที่จะให้คนจะฟังกันเขาทั้งหมดเพราะบางครั้งประเด็นของคนโง่น่าทึ่งใจเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสื่อแต่เป็นนิสัยของคน ใจของคน ที่มีโอกาสในการแสดงออกถึงความโง่ของเขา คนที่โง่แล้วอวดฉลาดมันน่าสงสารยิ่งนัก

คุณอาจสนใจ

Related News