เร่งสอบ 'บ.วินโพรเสส-เอกอุทัย' พบหลักฐานลอบทิ้งกากสารเคมี ทำเป็นขบวนการ เข้าข่ายอั้งยี่

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีไฟไหม้ และคดีลักลอบทิ้งกากสารเคมีอันตราย ซึ่งเชื่อมโยงในพื้นที่ 4 จังหวัดทั้งระยอง พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา และเพชรบูรณ์ โดยระบุว่ามีหลักฐานที่กำลังตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และพฤติกรรมฟอกเงินเพื่อปกปิดความผิดหรือไม่



การเรียกประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ เพื่อเร่งคลี่คลายคดีเพลิงไหม้ โรงงานวินโพรเสส จ.ระยอง และปัญหาการลักลอบทิ้งกากสารเคมีที่เชื่อมโยง บ.เอกอุทัย มีขึ้นที่สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมและเชิญอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมพร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมด้วย หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือกรณีเพลิงไหม้โกดังโรงงานวินโพรเสส ที่อยู่ระหว่างคลี่คลายวางเพลิงหรือไม่ และหากวางเพลิง ก็อาจเชื่อมโยงกับการวาง เพลิงที่โกดัง อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อ 1 มีนาคมปีนี้



นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกันหลายประเด็นระหว่างบริษัทวิน โพรเสส กับบริษัทเอกอุทัย ประเด็นแรก คือการขนส่งและการลักลอบทิ้งสารเคมี ซึ่งพบทะเบียน รถบรรทุกขนส่งกากสารเคมีซ้ำกันไปมา ระหว่าง บ.วินโพรเสส จ.ระยอง บ.เอกอุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งที่อำเภออุทัย และอำเภอภาชี บ.เอกอุทัย สาขา กลางกลางดง อ.ปากช่อง และบริษัทเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ามีเอกสารหลายอย่างบ่งชี้ว่าเป็นของปลอมที่ใช้ในการตบตาในการขนส่ง



นอกจากเอกสารปลอมที่ใช้ในการขนส่ง และตราประทับปลอมแล้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุว่าบุคคลในกลุ่มบริษัทเหล่านี้เชื่อมโยงถึงกัน กรรมการบางคน ที่ถูกดำเนินก็จะเปลี่ยนคน รวมถึงวิธีตั้งบริษัทหนึ่งที่กฎหมายเพื่อเข้าไปรับกากสารเคมี แล้วกระจายให้บริษัทอื่นตั้งขึ้น รับไปดำเนินการต่อ ซึ่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีการทำเป็นขบวนการ ที่อาจเข้าข่ายอั้งยี่ ที่เป็นความผิดมูลฐานของ ปปง.ด้วย



จนถึงขณะนี้ศาลอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องแล้ว 2 คน คือนายโอภา บุญจันทร์ ที่ถูกคุมขังเพราะศาลไม่ได้ประกันตัว และนายจตุวุฒิ ฤทธิ์วงศ์ ที่ยังจับตัวไม่ได้ ส่วนที่เหลือ 5 ราย ทั้งบุคคลและนิติบุคคล เกี่ยวกับบริษัทเอกอุทัย และเพราะสอน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว



อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า กรณีนี้จะมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 10 คน ที่จะถูกดำเนินคดี และในกรณีพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วยนั้น ในคณะทำงานที่รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้นนี้ มีตำรวจ ปปป.รวมอยู่ด้วย เพื่อสืบสวนสอบสวนเอาผิด จนท.รัฐที่เกี่ยวข้อง