อธิบดีอุทยานฯ ลงพื้นที่เหตุปล้นปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ฝ่ายความมั่นคง ยันไม่มีความขัดแย้งกับชุมชน

อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์คนร้ายบุกจับตัวเจ้าหน้าที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ก่อนวางระเบิด เผาอาคารสำนักงาน บ้านพัก และปล้นปินไป 12 กระบอก ถือเป็นเหตุใหญ่ครั้งที่ 3 ในรอบ 22 ปี ส่วนสาเหตุต้องรอให้ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่มีความขัดแยังกับชุมขน เพราะที่ผ่านมามีการทำงานเชิงอนุรักษ์จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีชื่อเสียง


ฝ่ายความมั่นคงยังคงปิดพื้นที่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกจับตัวเจ้าหน้าที่ วางระเบิดอาคารสำนักงาน เผาบ้านพัก และปล้นปืน ไปได้ 12 กระบอก เมื่อคืนวันที่ 21 กันยายน และเช้าวันนี้ มีระเบิดอีก 2 ลูก ทำให้ต้องตรวจสอบให้ปลอดภัย ป้องกันเหตุระเบิดกับเจ่าหน้าที่ซ้ำ คาดว่าต้องใช้เวลา 4-5 วัน


ซึ่งจากการประชุมร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส โดย พ.อ.กำธร ศรีเกตุ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส รวมถึงจาก ผกก.สภ.บูเก๊ะตา นายอำเภอแว้ง .04


นายชาย สุวรรณชาติ ผู้อำนวยการสำนักบริหารและอนุรักษ์ 6 สาขาปัตตานี ได้สรุปสถานการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ 4 คนที่ถูกจับตัว ปลอดภัย รวมถึงอีก 3 คนที่หนีมาได้ ทั้งหมดได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เพื่อหาสาเหตุ ซึ่งการก่อเหตุวางระเบิด เผาอาคาร และปล้นปืน 12 กระบอก เป็นปืนลูกซอง 10 กระบอก .38 จำนวน 1 กระบอกเป็นของรัฐ ส่วนปืน 11 มม อีก 1 กระบอก เป็นของส่วนตัวเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นว่าคนร้ายตั้งใจมาปล้นปืน


นายอรรถพล เปิดเผยว่า ย้อนหลังไป 22 ปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุปล้นปืนในลักษณะเดียวกัน ที่อุทยานแห่งชาติบางลาง จ.ยะลา จำนวน 33 กระบอกในปี 2545 ที่น้ำตกซีโป ในปี 2546 จำนวน 5 กระบอก และมาเกิดเหตุครั้งที่ 3 ในปีนึ้ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในพื้นทึ่เข้มงวดเวรยาม เก็บอาวุธในที่ปลอดภัย ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก

ส่วนสาเหตุ นายอรรถพล กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง แต่ยืนยันว่า ไม่มีสัญญานบอกเหตุใดๆมาก่อน และไม่มีความขัดแย้งกับชุมชน


การลงพื้นที่ของ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ นำโดยนายณรงค์ศักดิ์ พงศ์ดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา และ นายมะอะฮูมือรี ยูนุ๊ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ซึ่งยืนยันว่าชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจดี ไม่เคยมีความขัดแยังกัน เพราะทำงานร่วมกับชุมชน ซึ่งมีการตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านบาลา มีกิจกรรมดูนกเงือก และกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ชาวบ้านจึงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ขณะที่ นายนูรฮีซาม บินมามุ กลุ่มยังยิ้ม ซึ่งร่วมทำงานอนุรักษ์กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา เสียใจที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะที่ผ่านมา ได้ใช้ในการทำกิจกรรมเขิงอนุรักษ์ร่วมกับเยาวชนและชุมชน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกับต่างชาติด้วย


อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงขอให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกันต่อไป หลังจากฝ่ายความมั่นคงเปิดพื้นที่ จะต้องใช้เวลาในการปรับปรุงอาคารสำนักงานที่เสียหาย


สำหรับการติดตามตัวคนร้าย และติดตามปืนกลับคืนมา ทางกรมอุทยาน จะทำงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคง รวมถึงการคืนความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว