สังคม
แกะรอยหาหลักฐาน 'วินโพรเสส' ลอบปล่อยน้ำสารเคมีลงดิน สร้างผลกระทบชุมชนมาหลายปีจริงหรือไม่
โดย panwilai_c
6 พ.ค. 2567
76 views
ข่าว 3 มิติ เกาะติดปัญหาการลักลอบทิ้งกากสารเคมีที่แม้จะเป็นกากอุตสาหกรรม แต่ก็ถือเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งกรณีล่าสุดที่สังคมกำลังติดตามใกล้ชิดขณะนี้คือกรณีไฟไหม้โรงงาน วิน โพรเสส จ.ระยอง และโกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี ที่บริษัทเอกอุทัย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งสองบริษัท มีข้อมูลเอกสารหลายอย่างที่เชื่อมโยงถึงกัน
รวมถึงกรณีล่าสุด ที่ข่าว 3มิติ ไปพบว่าแม้จะผ่านมาถัง 14 เดือน แต่ในรถของกลางที่อำเภอภาชี ก็ยังมีเอกสารในรถบรรทุกเชื่อมโยงไปถึงบริษัทเอกอุทัย ที่ตำบลกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และเมื่อไม่กี่วันมานี้ข่าว 3 มิติ ได้รับคลิปภาพจากชายคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นอดีตคนงานของบริษัท สาขากลางดง บันทึกคลิปภาพ เทสารเคมีลงในหลุมที่ขุดไว้ ซึ่งภาพต่อไปนี้อาจตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากข้อมูลเอกสารที่เชื่อมโยงถึงกันแล้ว พฤติกรรมบางอย่างในการจัดการกากสารเคมี ก็คล้ายกันด้วยหรือไม่
ข่าว 3 มิติได้รับคลิปนี้มาเมื่อ 3 วันก่อน จากชายที่อ้างว่าเป็นอดีตพนักงานบริษัท เขาไม่กล้าแม้แต่จะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพื่อออกสื่อ แต่ยืนยันในข้อมูลว่า ภาพที่เห็นนี้คือขั้นตอนเทน้ำสารเคมี จากถังเบาท์ ผ่านท่อสายยางลงบ่อดินที่ขุดไว้โดยตรง
ภาพในเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2564 หรือ 3 ปีมาแล้ว บริเวณที่ขุดหลุมเสารเคีอยู่ใต้สายพานลำเลียงหิน ตอนนี้บริษัทถูกคำสัง่กรมโรงงานอุตสาหกรรมปิดไปแล้ว ประกอบกับบริเวณนี้ ที่เป็นที่ดินของกรมป่าที่ปัจจุบันกรมป่าไม้ยึดคืนแล้ว แต่เขามั่นใจว่าถ้าขุดสำรวจก็ยังจะพบ
ข่าว 3มิติ ตรวสอบจากเทศบาลตำบลสีมามงคล ยืนยันว่าภาพมุมสูงนี้ถ่ายเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2564 เป็นการถ่ายภาพหลังจากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจับและยึดพื้นที่และของกลางแล้ว แต่จากภาพก็ยังเห็นหลุมคล้ายกันที่เหมือนเตรียมไว้เพื่อเทและฝังกลบกากสารเคมี
ภาพเหล่านี้เมื่อนำมาประติดประต่อ จะเห็นความสอดคล้องกันระหว่างหลุมที่ปรากฏในคลิปว่าใช้เทสารเคมี ซึ่งเคยอยู่ในพื้นที่โรงงาน
กับกรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมกรมควบคุมมลพิษ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปสุ่มตรวจสอบด้วยการขุดผืนดินในเขตป่าไม้ที่บริษัทเคยอ้างทำประโยชน์ ก็พบว่าเพียงขุดลงไปเมื่อถึง 3 เมตร ก็ปรากฎคราบสีดำเข้ม และกลิ่นเหม็นฉุนของกากสารเคมี ที่ถูกฝังอยู่
จริงอยู่บริเวณนี้ เป็นคนละจุดกับในคลิปภาพที่พบการเทสารเคมีลงไป แต่จากภาพก็จะเห็นว่าอยู่ในแนวเดียวกัน พื้นที่ติดกัน พฤติกรรมเหมือนกัน และอยู่ภายใต้การใช้ประโยชน์โดยคนกลุ่มเดียวกัน
การลักลอบเทกากสารเคมีทิ้งในที่สาธารณะ ที่ชุมชน เป็นพฤติกรรมของผู้ประกอบการไม่กี่ราย ที่ได้เงินค่าจ้างนำไปกำจัดแล้วแต่ไม่นำไปกำจัดจริง แต่ต้องการลดต้นทุน ด้วยการนำไปเททิ้งในที่สาธารณะ เมื่อถูกจับได้ หรือเมื่อไม่มีผู้รับจ้างขนไปทิ้งให้ ก็ใช้วิธีทิ้งในบ่อ ในหลุม หรือแม้แต่ใต้พื้นโรงงาน
กรณีโกดังที่อำเภอภาชี ซึ่งถูกเพลิงไหม้ล่าสุดนี้ก็เช่นกัน บรรดาของเหลวที่ถูกลักลอบเก็บที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเกลุ่มโซเวนท์ น้ำมันเครื่องเก่า ตัวทำละลาย หรือแม้แต่น้ำกรด กลับถูกเททิ้งลงในบ่อกลางลานโล่งแจ้งทั้งที่เป็นอันตรายอย่างมาก
หรือแม้แต่บ่อซีเมนต์ ที่เจ้าของโกดังเคยใช้ประโยชน์เป็นที่ขึ้นตราชั่ง ก็ถูกเทน้ำกรดเพื่ออำพรางไว้โดยไม่นำไปบำบัดจริง
พฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรุนแรง แต่เสี่ยงจะเกิดอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้วเจ้าหน้าที่เข้าไปปฎิบัติงานโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงก็เกิดอันตรายจากการสัมผัสกรดโดยตรง ซึ่งเกิดมาแล้วจากกรณีเพลิงไหม้วินโพรสเส และโกดังภาชี
และล่าสุดกรณีที่ อบจ.ระยอง ขุดบ่อลึกมากกว่า 5 เมตร บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เพื่อหวังจะกักเก็บน้ำฝนไว้เช่นกัน ซึ่งพบคราบน้ำสารเคมีสีดำปนเปื้อน ก็ถูกสันนิษฐานว่ามีการลักลอบเทของน้ำสารเคมีลงหลุมหรือบ่อโดยตรงด้วยหรือไม่