สังคม
สำรวจโกดังสารเคมีระยอง เปิดเงื่อนงำสาเหตุไฟไหม้ ไขปริศนา 'วางเพลิง' หรือไม่?
โดย panwilai_c
23 เม.ย. 2567
240 views
ความคืบหน้าเหตุการณ์เพลิงไหม้ โรงงาน วิน โพรเสส ที่เก็บกากอุตสาหกรรมเเละสารเคมีอันตราย ในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งจนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่เเจ้งว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เกือบ 100% แล้ว รอเข้าไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุเเละต้นตอที่ทำให้เกิดไฟไหม้ เบื้องต้นไม่เชื่อว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะโรงงานถูกตัดไฟมา 2 เดือนแล้ว
ความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ได้
ล่าสุดนาย กัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ฯ บอกว่า ขณะนี้ถือว่าเพลิงสงบแล้ว แต่ยังเหลือควัน และความร้อนที่สะสมคุกรุ่นอยู่ ซึ่งในการเข้าดับควันต้องศึกษาผังของโรงงาน และข้อมูลการเก็บสารเคมีแต่ละจุดโดยละเอียด แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านสารเคมีเข้าไปดำเนินการ เพราะยังมีโอกาสที่ไฟจะลุกขึ้นมาอีก ระหว่างนี้จึงต้องคอยใช้น้ำฉีดเพื่อป้องกันการปะทุ
ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ นายกัฬชัย ระบุว่า ให้ตัดสาเหตุเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรไปได้เลย เพราะไฟฟ้าที่โรงงานถูกตัดไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนสารเคมีที่เก็บไว้ จะสามารถปะทุขึ้นมาได้เองเมื่อมีความร้อนหรือไม่นั้น ต้องรอเข้าไปตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่ามีสารอะไรบ้าง แล้วมีคุณสมบัติอย่างไร เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะเป็นเรื่องการวางเพลิงหรือไม่ นายกัฬชัย ตอบสั้นๆ ว่ายังไม่ทราบ
ส่วนการดูแลประชาชน ตอนนี้ได้ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติเเล้วใน 2 ตำบล คือ ตำบลบางบุตร และตำบลหนองบัว ซึ่งได้จัดให้มีศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ อบต. ทั้ง 2 แห่ง พร้อมหน่วยปฐมพยาบาล จนถึงตอนนี้มีประชาชนเข้ามาขอรับการตรวจรักษาแล้ว 55 ราย ส่วนมากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
เมื่อถามถึงแผนการฟื้นฟูหลังจากนี้ เพราะเคยมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องกากสารเคมีในโรงงานมาตลอด นายกัฬชัย ระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องจัดทำแผนฟื้นฟู ซึ่งทางจังหวัดจะคอยกำชับ หากไม่ทำตามก็อาจต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมอนามัยเก็บตัวอย่างน้ำ จากอ่างเก็บน้ำประปาในพื้นที่หมู่ 4 / หมู่ 8 และหมู่ 11 ตำบลบางบุตร ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คุณภาพน้ำยังอยู่ในระดับมาตรฐาน ยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่ามีการปนเปื้อนสารเคมี
ส่วนสภาพอากาศโดยรอบโรงงาน นายสุนทร อุปมาณ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศในช่วงเช้า พบว่าบริเวณท้ายลม รัศมี 4-5 กิโลเมตร ยังคงได้กลิ่นสารเคมีอยู่ แต่ถือว่าคุณภาพอากาศดีกว่าเมื่อวานนี้ เนื่องจากเปลวเพลิงได้ลดลงแล้วเหลือเพียงกลุ่มควันบางๆ ซึ่งอากาศถือว่าไม่เกินค่ามาตรฐาน
ด้านนายแพทย์ ภาณุวัฒน์ มุกดาสนิท ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านค่าย จังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้ประชาชนในพื้นที่ออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพก่อน และมีประชาชนบางส่วนที่ ยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ ตนก็แจ้งให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่้อป้องกันสารเคมี และการสูดดมสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย และถ้าหากไปสัมผัสสารถูกสารเคมีแล้วเกิดมีอาการคัน เบื้องต้นให้รีบอาบน้ำสบู่ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์ทันที
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าอาจเชื่อมโยงกับโรงงานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ก่อนหน้านี้ ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ทั้งสองเหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกันเรื่องของเจ้าของโรงงานและการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน หรือไม่
เรื่องนี้ขอให้รอผลสรุปจากทางตำรวจก่อน เรื่องนี้เป็นมหากาพย์จริงๆ ไม่ใช่พื้นที่ในอำเภอภาชีและพื้นที่จังหวัดระยองเท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่จังหวัดราชบุรีด้วย ซึ่งได้สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบต่อประเด็นนี้ด้วย ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ มันเป็นจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่
ด้าน สส.ในพื้นที่ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ตั้งข้อสังเกต 3 ข้อ คือ 1.มีคำสั่งจากอุตสาหกรรมจังหวัดระยองวันที่ 19 เมษายน ว่าให้ขนย้ายออกไปโดยด่วน แต่เหตุเกิดวันที่ 23 เมษายน 2.ช่วงเวลาเกิดเหตุ เป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นเวลาก่อนเริ่มทำงาน และ 3.ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในโรงงานมีอะไรบ้าง ตำรวจคงจะต้องตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายนอกว่า มีใครเข้าออกโรงงานช่วงกลางคืนถึงเช้าหรือไม่
วันเดียวกันนี้ นายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรอบ ๆ โรงงานเก็บสารเคมีของริมถนนภาชี-หินกอง ที่มีการเก็บสารเคมีโรงงานอุตสาหกรรม น้ำหนักกว่า 4 พันตัน ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมยึดไว้เป็นของกลาง แต่กลับนำมาแอบซุกไว้ใน 5 โกดัง บนเนื้อที่เกือบ 10 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลภาชี 500 เมตร และอยู่ในย่านชุมชนย่านธุรกิจของอำเภอภาชี และเพิ่งถูกลอบวางเพลิงไปแล้ว 1 ครั้ง จึงขอทวงถามไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้สัมภาษน์ผ่านสื่อมวลชนว่า ให้เร่งขนย้ายสารเคมี 4,000 ตัน ที่นี่ ออกจากชุมชนให้เร็วที่สุด ผ่านมีเกือบ 2 เดือนแล้ว ยังไม่ได้เริ่มต้นขนย้ายแต่อย่างใด
คืนนี้ไฟไหม้ในโกดังโรงงานวินโพรเสส ยังไม่ดับสนิท โดยเฉพาะโกดังหลังที่ 3 ที่เก็บกากอุตสาหกรรมประเภท อลูมิเนียม ดอส ที่ไม่สามารถดับได้สนิทด้วยน้ำ เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำทราบมากลบไว้ไม่ให้ปะทุ ขณะที่ทีมข่าว 3 มิติ ติดตามเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจพื้นที่หลังเพลิงสงบ พร้อมกับที่เจ้าหน้าที่เร่งหาคำตอบว่า นี่เป็นการวางเพลิงหรือไม่ และหากใช่ ใครจะได้ประโยชน์
ในแง่การติดตามหาสาเหตุเพลิงไหม้ ข่าว 3มิติ พบว่าพนักงานสอบสวนภูธรบ้านค่ายอยู่ระหว่างเรียกคนงาน 4 คน มาให้ข้อมูลของเหตุการณ์ 4 คนนี้เป็นคนงานของบริษัทวินโพรเสส ที่เป็นเจ้าของกิจการนี้ 2 คน และคนงานของบริษัท SK inter เคมิคอล ที่มารับจ้างกำจัดบำบัดน้ำเสีย และกากสารเคมี อีก 2 คน การสอบถามข้อมูล จากพนักงาน 4 คนนี้ เพื่อหาว่าเป็นการวางเพลิงหรือไม่
ในเมื่อทุกฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระบบไฟฟ้าในโรงงานถูกตัดหมดแล้ว จึงไม่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรแน่นอน และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเองก็บอกว่า ชนิดของสารเคมีที่เก็บอยู่ใน 5 โกดัง ก็ไม่มีชนิดใดที่เผชิญอากาศตอน 9 โมงเช้าแล้วจะเกิดปฎิกิริยากันจนเกิดประกายไฟขึ้นเองได้
บริษัท วิน โพรเสส มาตั้งโรงงานที่นี่ เมื่อปี 2554 เริ่มจากขอใบอนุญาตกิจการลำดับที่ 105 เพื่อคัดแยกขยะและฝังกลบของเสียไม่อันตราย แต่ชาวบ้านคัดค้าน จึงไม่ได้ใบอนุญาต ต่อมาในปี 2560 โรงงานได้ใบอนุญาต 3 ฉบับ เป็นลำดับที่ 40 บดอัดขยะ ลำดับที่ 60 หล่อหลอมโลหะ และลำดับที่ 106 คือรีไซเคิลขยะอันตราย แต่ลำดับที่ 106 นี้ ยังไม่ได้แจ้งประกอบการ เท่ากับยังดำเนินกิจการไม่ได้
ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตุมาตลอดว่า เมื่อยังไม่ประกอบกิจการ 106 ทำไมมีสารเคมีอันตรายจำนวนมาก มาเก็บไว้แล้ว ส่วนที่บดอัดกระดาษและหลอมโลหะ ก็ไม่เห็นจะมีเครื่องจักรมากพอ ประกอบกับช่วงนั้นชาวบ้านเดือดร้อน จากน้ำสารเคมีของโรงงานไหลรั่วไปถึงสวนชาวบ้าน และหนองพะวาที่เป็นบ่อน้ำสาธารณะ จนร้องเรียน ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมและกรมควบคุมมลพิษเข้ามาตรวจสอบพบความผิด จึงดำเนินคดี
วินโพร เสส ถูกดำเนินคดีฐานละเมิดตามพรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งชาวบ้าน 15 คนฟ้อง โดย 13 ธันวาคม 65 ศาลสั่งให้วินโพรเสสชดใช้ เยียวยาชาวบ้านที่เดือดร้อนในจำนวนแตกต่างกันไป รวมกว่า 20 ล้านบาท และฟื้นฟูสภาพแวดล้อม
แต่ที่เชื่อมโยงกับสารเคมีในโกดังโดยตรง มาจากที่กรมโรงงานอุตสาหรรมฟ้องวินโพรเส ตามที่ครอบครองวัตถุอันตรายจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาต
นี่คือคำพิพากษาเมื่อ 25 มีนาคม 2564 ศาลสั่งปรับ และจำคุก กรรมการ 2 คน ของวินโพรเสส โทษจำคุกรอลงอาญา และศาลสั่งริบของกลางทั้งหมด พร้อมให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมนำไปกำจัด
เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสกรรมระบุว่า กรมฯได้แถลงต่อศาลเพื่อนำของกลางที่ไม่ใช่วัตถุอันตราย ที่มีมูลค่าออกไปขาย แล้วนำเงินที่ได้ไปวางศาล ระหว่างนี้บริษัทวินโพรเสส เป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัท SK inter เคมีคอล มารับจ้างกำจัดบำบัด้วยวงรวมกว่า 10 ล้านบาท
นี่คือสัญญาว่าระหว่างบริษัท วินโพรเสส กับ SK inter ซึ่งมี 2 สัญญาระหว่างการบำบัดน้ำเสียในบ่อของโรงงาน กับการนำกากเคมีในโกดังออกไปทำงาน
อย่างไรก็ตาม การทำงานของ SK inter ในฐานะผู้รับจ้างไม่ราบรื่น เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมบอกว่า ถูกขัดขวางจนทำให้งานติดขัด และได้เงินไม่ครบ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ถังสารเคมียังตกค้างอยู่ในโกดังเหล่านั้น
ข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ ถึงปัญหาที่สะสมมาหลายปีจากกองสารเคมีในโกดังและน้ำเสียในบ่อนี้ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่า บริษัท SK ได้หมดสัญญาเป็นผู้จ้างขนกากขยะไปเมื่อ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ดังนั้นจะมีส่วนได้เสียอะไรหรือไม่หากกองสารเคมีถุกเผา
ขณะเดียวกัน ศาลสั่งให้เจ้าหน้าที่นำกากสารเคมีไปกำจัด โดยเรียกค่าเสียหายจากบริษัทวินโพรเสส และหากสารเคมีถูกเพลิงไหม้แบบนี้แล้ว วินโพรเสส จะเสียหายอะไรหรือไม่ ก็ยังเป็นปริศนาเช่นกัน