สังคม

กรมรง.อุตสาหกรรม แจ้งข้อหา 'เอกอุทัย' กลางดง ครอบครองวัตถุอันตรายไม่ได้รับอนุญาต

โดย panwilai_c

23 เม.ย. 2566

256 views

ข่าว 3 มิติ ยังเกาะติดปัญหาการลักลอบทิ้งขยะเคมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องนะคะ และดูเหมือนว่าปัญหานี้ยังเจาะลึก ก็ยิ่งพบประเด็นปัญหาที่สะสมมานาน และหลายพื้นที่ ล่าสุดกรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินคดีบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง ข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตและอาจเข้าข่ายลักลอบทิ้งด้วยซ้ำ และที่สำคัญยังพบหลักฐานว่าอาจมีการลักลอบฝังกลบสารเคมีอันตรายลงใต้ดิน จนกระทบต่อน้ำบาลของคนในท้องที่



ภาพถ่ายเหล่านี้บ่งบอกพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายของ ผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินแปลงนี้ ที่ตำบลกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา



จากภาพจะเห็นรถแบ็คโฮ ขุดดินเป็นบ่อขนาดใหญ่ กินพื้นที่บริเวณกว้าง พฤติกรรมที่พบคือ มีการลักลอบนำสารเคมีสีดำ ที่อยู่ในรถบ้าง ในถังเบาท์ขนาด 1 พันลิตร บ้าง ที่มี กลิ่นเหม็นฉุน นำไปลักลอบทำลาย โดยวิธีเทลงบ่อดินที่ขุดขึ้นใหม่ โดยที่น้ำสารเคมีนั้นไม่ได้มีการบำบัดหรือปรับสภาพใดๆก่อนเทลงบ่อ และเมื่อน้ำสารเคมีเริ่มซึมลง ก็มีการนำดิน และหินคลุกเทลงบ่อ จากนั้นก็เอาปูนขาวโรยทับ และเกลี่ยดินกลบไว้ให้เหมือนเป็นพื้นราบปกติ เสมือนว่าไม่มีเคยมีสิ่งใดฝังอยู่ที่นี่



เหตุการณ์ในภาพเกิดขึ้นราวปี 2547 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้ว แต่ผลกระทบยังเกิดขึ้นต่อเนื่องเพราะปรากฎว่าน้ำบาดาล และน้ำซับของที่นี่มีสารเคมีปนเปื้อน และเจ้าหน้าที่ก็พบว่าสารเคมีทีนี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญ



ข่าว 3 มิติ ได้ข้อภาพเหล่านี้มาเกือบ 2 เดือน แต่รอจนกว่าบางประเด็นแน่ชัดจึงเปิดเผยในวันนี้ โดยยืนยันแล้วว่าจุดที่เกิดเหตุรอบข้างฝั่งหนึ่งเห็นแนวเขาหินปูน อีกฝั่งหนี่งมีอาคารโรงงาน 3 หลังเรียงรายอยู่



ซึ่งจุดที่ถูกลักลอบทิ้งสารเคมีนี้อยู่ในกรอบสีขาว หมายเลข 2 คือที่ดินของกรมป่าไม้ พื้นที่รวม 23 ไร่ 2 งาน 87 ตารางวา ส่วนที่ดินตามหมายเลข 1 คือโรงงานบริษัทเอกอุทัย จำกัด สาขากลางดง อ.ปากช่อง นครราชสีมา ถือเป็นโรงงานเดียวกันกับเอกอุทัย อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่กำลังถูกดำเนินคดีกรณีครอบครองสารเคมีอันตราย ในโกดังที่อำเภอภาชี



อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จัดทีมไปตรวจสอบพื้นที่นี้แล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยจุดที่ตรวจสอบเป็นโกดัง 3 หลัง ตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ และอยู่ติดกับโรงงานบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง โดยโกดังทั้ง 3 หลังนี้มีขยะเคมีเก็บอยู่จำนวนมากทั้งของแข็งและของเหลว เช่นน้ำมันใช้แล้วลักษณะหนืด สีน้ำตาล เถ้า เศษตะกอน น้ำเสียปนเปื้อนน้ำมัน กากสี เรซิ่นดูดซับ กากเจลในถังขนาด 200 ลิตร จำนวน 503 ถัง รวมถึงของเสีย ของแข็งและตะกอนดินปนเปื้อน 36 ตัน นอกจากนี้ยังมีตะกอนในบ่อซีเมนต์ขนาด 315 ลูกบาศก์เมตร และหลอดนีออน 460 หลอด



ที่จริงแล้วเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ได้มาเก็บตัวอย่างสารเคมีที่นี่ไปตรวจวิเคราะห์ จนได้ผลวิเคราะห์แล้วว่าเป็นสารเคมีอันตรายประเภทที่ 3 ตาม พรบ.วัตถุอันตราย ซึ่งผู้ครองครอบต้องมีความผิดและต้องรับผิดชอบนำออกไปกำจัด โดยผู้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ ก็คือกรมป่าไม้



อย่างไรก็ตาม บริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง ซึ่งตั้งโรงงานอยู่ติดกันนี้ ได้สารภาพแล้วว่า เป็นเจ้าของสารเคมีทั้งหมดแล้วนี้ จึงทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเพิ่มแล้วเพื่อเอาผิดตาม พรบ.วัตถุอันตราย และให้ย้ายไปกำจัดภายใน 15 พฤษภาคมนี้





กรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ในกรณีที่พบหลักฐานการฝังกลลสารเคมีในพื้นที่ และแจ้งความประสงค์ให้คดีนี้ดำเนินการโดยตำรวจ ปทส. เพราะผู้ถูกกล่าวหา ก็คือ บ.เอกอุทัย ที่ถูกดำเนินคดีกรณีโกดังสารเคมี ที่อ.ภาชี จ.อยุธยา



ที่จริงแล้วที่ดินแปลงนี้ กรมป่าไม้ก็เคยดำเนินคดีกับบริษัทเอกอุทัย ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเช่นกัน กรณีบุกรุกเข้ามาประกอบกิจการบนที่ดินของกรมป่าไม้ แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เหตุว่าขาดเจตนา เพราะบริษัทเอกอุทัย ชี้แจงว่าซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากผู้ครอบครองคนอื่น ผ่านสำนักงานบังคับคดี โดยต่อมามีการเพิกถอนโฉนดเพี่อคืนเป็นพื้นที่ป่าไม้ แต่ขณะเดียวกัน ประเด็นนี้ก็ถูกตั้งคำถามย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการออกโฉนดที่ดินตั้งแต่แรกด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News