สังคม

กรมโรงงานฯ เข้าค้น บ.เอกอุทัย หาหลักฐานเพิ่มปมลอบเทสาร พบจุดทิ้งต้องสงสัย-เอกสารจำนวนมาก

โดย panwilai_c

31 พ.ค. 2567

100 views

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมนำหมายศาลจังหวัดสีคิ้ว เข้าค้นโรงงาน บ.เอกอุทัย สาขากลางดง อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หลังก่อนหน้านี้มีรายงานจากเทศบาลในท้องที่ว่า น้ำประปาและน้ำใต้ดินมีการปนเปื้อนสารเคมี จึงอาจถูกมีการลักลอบเททิ้งระหว่างถูกสั่งหยุดประกอบกิจการ



ขณะที่นายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการบริษัทวินโพรเสส ที่เชื่อมโยงกับบริษัทเอกอุทัย ได้รับการประกันตัวแล้วด้วยเงินสด 4 หมื่นบาท และตอนนี้ก็ถูกตำรวจภูธรบ้านค่าย จังหวัดระยอง อายัดตัวไปดำเนินคดี โทษฐานทิ้งของเสียมีพิษ ลงแหล่งน้ำสาธารณะ



นายโอภาส บุญจันทร์ ถูกนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อบ่ายวันนี้ในข้อหาที่เขาถูกนายบุญเลิศ แจ้งความเอาผิดว่านายโอภาส ปลอมแปลงเอกสารตราประทับ บ.เพราะสอน ที่นายบุญเลิศ เป็นกรรมการบริษัท แล้วเอาบริษัทนั้นไปทำสัญญาเช่าโกดังลักลอบเก็บสารเคมี ในอำเภอภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และทำให้นายบุญเลิศ ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายด้วย



อย่างไรก็ตาม นายโอภาสได้รับการประกันตัวในวงเงิน 4 หมื่นบาท จากนั้นตำรวจภูธรภาชีได้ควบคุมตัวไว้ก่อนเพื่อตำรวจภูธรบ้านค่าย จ.ระยองมารับตัวไปดำเนินคดีต่อ หลังจากศาลจังหวัดระยองออกหมายจับเพิ่มเมื่อวานนี้



ข้อหาที่ศาลจังหวัดระยองออกหมายจับนายโอภาสล่าสุดนี้ไม่ใช่ความผิด ฐานครอบครองวัตถุอันตราย ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย เหมือนคดีที่อำเภอมาบตาพุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทวินโพรเสส สาขาโขดหิน



แต่หมายจับฉบับล่าสุดเป็นคดีอาญามาตรา 237 ผู้ใดเอาของที่มีพิษหรือสิ่งอื่นที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือลงในอาหาร หรือในน้ำซึ่งอยู่ในบ่อ สระหรือที่ขังน้ำใด ๆ และอาหารหรือน้ำนั้นได้มีอยู่หรือจัดไว้เพื่อประชาชนบริโภค ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองแสนบาท



และคดีอาญามาตรา 228 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้เกิดอุทกภัย หรือเพื่อให้เกิดขัดข้องแก่การใช้น้ำซึ่งเป็นสาธารณูปโภค ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



ที่มาของข้อกล่าวหาดังกล่าว มาจากการน้ำในหนองพะวา ซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะที่ชาวบ้านนับพันครอบครัวเคยใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีมาเกือบ 5 ปี และต้นทางของสารเคมีมาจากโรงงานวินโพรเสส ที่เพิ่งจะถูกเพลิงไหม้ไปไม่นาน โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ และชาวบ้านได้ช่วยกันนำพิสูจน์จนได้ผลวิเคราะห์ และรายงานต่อศาลจังหวัดระยอง กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับดังกล่าว



และจะเป็นการเปิดโอกาสให้นายโอภาส และบริษัทวินโพรเสส ได้พิสูจน์ตัวเองว่าได้ก่อให้เกิดมลพิษต่อชาวหนองพะวาหรือไม่



อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลได้นัดไต่สวนพยานโจกท์ กรณีกรมควบคุมมลพิษฟ้องคดีทางแพ่งเสียค่าบำบัดฟื้นฟูจากนายโอภาสและวินโพรเสส เป็นเงิน 17000 ล้านาท ศาลนัดอ่านคำพิพากษากันยายนปีนี้



และเมื่อเช้านี้ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ไปแถลงต่อศาลจังหวัดสีคิ้ว สาขาปากช่อง เพื่อขอหมายศาลเข้าค้นบริษัทเอกอุทัย สาขากลางดง หลังมีรายงานจากเทศบาลตำบลสีมามงคลว่าน้ำบาลดาลและน้ำใต้ดินมีกลิ่นสารเคมีปนเปื้อน จึงอาจมีการลักลอบเทกากของเสียอันตราย หรือฝังไว้ ในช่วงที่กรมโรงงานฯสั่งให้ บ.เอกอุทัย หยุดกิจการเพื่อปรับปรุงตามมาตรา 39 วรรค 1 ซึ่งศาลอนุมัติหมายค้น



เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 7 ฝ่าย เข้าค้นภายในโรงงาน ทั้งหมด 3 เป้าหมาย เป้าหมายแรกคือ ค้นและยึดเอกสารหลักฐานการดำเนินกิจการ เป้าหมายที่สองคือตรวจสอบว่ามีการปรับปรุงตามคำสั่งก่อนหน้านี้หรือไม่ และเป้าหมายที่สามคือ ตรวจดูจุดที่สงสัยว่ามีการลักลอบเท หรือฝังสารเคมีลงใต้ดิน



เจ้าหน้าที่ตรวจค้นถึง 4 โมงเย็น ตามเวลาที่ศาลกำหนด โดยตรวจยึดเอกสารมากกว่า 1 รถบรรทุก และพบจุดที่สงสัยว่ามีการลักลอบเทกากของเสีย ทั้งหมดได้รายงานต่อศาล และวางแผนขุดสำรวจเหมือนกรณี บ.เอกอุทัย จ.อยุธยา ที่พบการฝังกากสารเคมีจำนวนมาก เมื่อวานนี้

คุณอาจสนใจ

Related News