มูลนิธิบูรณะนิเวศ จี้เอาผิดโรงงานเจ้าของกากขยะ รับจ้างกำจัดแต่นำทิ้งที่สาธารณะ

นอกจากภาครัฐจะต้องแก้ปัญหากากขยะปนเปื้อนสารเคมีอันตรายเหล่านี้แล้ว มูลนิธิบูรณนิเวศ ยังเรียกร้องให้ตรวจสอบไปถึงบริษัทหรือกิจการที่เป็นแหล่งกำเนิดของกากขยะ หรือของเสียปนเปื้อนเหล่านี้เพื่อให้ร่วมรับผิดชอบ เพราะกฎหมายกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุชัดเจนว่าบริษัทผู้ก่อกำเนิดของเสีย ต้องรับผิดชอบการกำจัดตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง



ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ที่ลงไปตรวจสอบปัญหากากขยะปนเปื้อนสารเคมี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียกร้องให้กระทรวงอุตสาหกรรม เข้มงวด และเอาจริงกับปัญหาขยะมลพิษให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะในกรณีล่าสุดนี้ ที่ต้องไม่ปล่อยให้เจ้าของกิจการนี้ ทิ้งกากขยะสารเคมีให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบ และต้องไม่ปล่อย ให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ต้องนำเงินภาษีมาแก้ปัญหาของเอกชน อีกทั้งหากจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในภายหลัง แต่ขั้นตอนดังกล่าว ใช้เวลานานกว่าคดีจะถึงที่สุด และเมื่อคดีถึงที่สุด คนกลุ่มนี้ก็มีช่องทางที่จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายอยู่ดี



มูลนิธิฯจึงเห็นว่า หากมีหลักฐานแน่ชัด ก็ขอให้ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม และตำรวจที่รับผิดชอบคดี เร่งขยายผลโดยเร็ว เพราะพบว่ามีหลายกรณีก่อนหน้านี้ ที่พบว่าแม้หน่วยงานของรัฐ ชนะคดีในการฟ้องร้อง แต่ผู้ก่อมลพิษก็โยกย้ายทรัพย์สินออกไปก่อน และยอมที่จะถูกฟ้องล้มละลาย ขณะที่ปัญหาไม่ถูกแก้ไข



ผู้อำนวยการมูลนิธิฯยังเรียกร้อง ไปถึงบริษัทหรือโรงงานอุตสาหกรรม ที่เป็นต้นทางของกากขยะ และเป็นผู้ว่าจ้างให้บริษัทอื่น นำกากของเสียอุตสาหกรรมไปทำลาย หากบริษัทผู้รับจ้างไม่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์การจ้าง บริษัทหรืออุตสาหกรรมที่เป็นผู้ว่าจ้าง ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย



ข่าว 3 มิติ พบว่า หลังจากตำรวจภูธรแก่งคอย จับรถบรรทุกสารเคมีที่ไปลักลอบทิ้งในสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย โดยคนขับสารภาพว่ารับสารเคมีมาจากโกดังนี้ ตำรวจได้ตรวจสอบพบว่า บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ และคอยชี้เป้าจุด ที่ให้นำกากของเสียไปทิ้งนั้น ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัทเอกอุทัย ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทเอกอุทัย ทั้งที่อำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตำบลกลางดง จ.นครราชสีมา และที่ตำบลคลองกระจังอำเภอศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้ขึ้นป้ายประกาศขายกิจการและที่ดินของทั้ง 3 สาขาแล้ว