สังคม

ชาวบ้านร้องรัฐจัดการสารปนเปื้อน รง.แวกซ์ กาเบ็จ ควบคู่เยียวยา

โดย panwilai_c

21 พ.ย. 2565

83 views

เกาะติดปัญหาขณะสารเคมี ที่ราชบุรี จนกว่าจะมีการแก้ไขลุล่วง หลังจากได้เกิดผลกระทบด้านกลิ่นและน้ำเสียของขยะสารเคมี ที่ชาวตำบลน้ำพุ จังหวัดราชบุรีได้รับผลกระทบมากว่า 20 ปี ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะจบโดยง่าย เพราะแม้คณะกรรมการแก้ปัญหาระดับจังหวัด ได้เสนอขอใช้งบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อขนย้ายสารเคมีไปกำจัด แต่ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนตามระเบียบราชการ ขณะเดียวกัน กลับพบความพยายามเคลื่อนย้ายสารเคมี อย่างมีพิรุธของผู้ประกอบการ จนชาวบ้านบันทึกภาพไว้ได้อีกรอบ ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบ ขอให้ภาครัฐทำงานควบคู่กันระหว่างการย้ายสารเคมีออกไป กับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ



เครื่องจักรทยอยขนย้ายกากขยะสารเคมี ออกจากอาคารโรงงานสองหลัง ของบริษัทแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซนเตอร์ จ.ราชบุรี เพื่อนำไปกำจัดโดยบริษัทเบทเทอร์ เวิล์ด กรีน ที่จริงแล้ว นี่คือขยะสารเคมีที่อยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ซึ่งตกค้างจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อ 5 เดือนก่อน จนสารเคมีรั่วไหลปนเปื้อนลงพื้นดิน กรมโรงงานอุตสาหกรรมเคยสั่งให้โรงานนี้ยุติการเคลื่อนย้ายที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมี



แต่กลับพบว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่งแอบนำรถแบ็คโฮเข้าไปเจาะทุบถังสารเคมี ราว 40 ถัง ทำให้เกิดปนเปื้อนซ้ำอีกราว 60 ตัน เมื่อชาวบ้านพบการลักลอบเคลื่อนย้ายถังสารเคมี ทำให้ภาครัฐ สั่งโรงงานนี้ รับผิดเหตุการณ์ด่วน ด้วยการย้ายขยะสารเคมีเหล่านี้ไปกำจัดทันที



อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตุว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรงงงานฝ่าฝืนคำสั่งภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมย้ายสารเคมีออกไปตามคำสั่งกรมโรงงาน แต่การลักลอบเคลื่อนย้ายถังสารเคมีซ้ำอีก ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ,และชาวบ้านต่างแจ้งความไว้แล้วหลายครั้ง แต่ชาวบ้านสงสัยว่าในแง่การดำเนินคดีนอกจากไม่คืบหน้าแล้ว ภาครัฐกลับต้องมาคอยแก้ปัญหาที่โรงงานเกิดขึ้นซ้ำอีก อย่างกรณีล่าสุดนี้ด้วย นอกจากนี้ ชาวบ้านก็ยังเรียกร้องไปหาภาครัฐว่า นอกจากมุ่งแก้ปัญหาการย้ายสารเคมีออกไป ก็ควรหน้าเยียวยา หรือรับผิดชอบต่อผู้ได้รับผลกระทบด้วย



ขณะที่อุตสาหกรรมจังหวัดราชุบุรี ระบุว่า ขยะสารเคมีที่เหลือในโรงงานทั้งหมด ได้ประสานไปของบประมาณกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อขนย้ายก่อน แล้วฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้ประกอบการภายหลัง



กรณีการขอรับงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อปัญหานั้น พบว่าเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งกลับมายังกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่า เกณฑ์การใช้งบดังกล่าว มีหลักเกณฑ์โดยสรุปคือ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเสนอต่อนายกรัฐมนตรีประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่อาจก่อให้เกิดเหตุภัยอันตรายต่อสาธารณชน ตามพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน โดยทำเป็นคำสั่ง และประกาศในราชกิจจาบุเบกษา จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดมอบให้กรมโรงงานอตุสาหกรรม ทำโครงการ เพื่อยื่นต่อเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมพิจารณาอนุมัติ งบดังกล่าว



จะเห็นว่ากระบวนการที่นำเสนอนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งในขั้นตอนการพิจารณาใช้งบประมาณกองทุนสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกรณีโรงงานนี้มีทั้งส่วนที่เพลิงไหม้และส่วนที่คงค้างในโกดัง จึงมีอีกหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนก็ต้องใช้เวลากว่าที่จะไปสู่การพิจารณาอนุมัติ นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่า ต่อให้ผ่านการอนุมัติ แต่ยังมีประเด็นว่างบประมาณกองทุน จะเพียงพอต่อค่ากำจัดกากขยะสารเคมีของโรงงานนี้ ที่มีอีกกว่าหมื่นตันหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News